ขนนก - สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ
 
สารานุกรมไทย
สำหรับเยาวชน  เมนู เล่ม 1
เล่มที่ ๑
เรื่องที่ ๑ ดวงอาทิตย์
เรื่องที่ ๒ อุปราคา
เรื่องที่ ๓ ท้องฟ้ากลางคืน
เรื่องที่ ๔ นก
เรื่องที่ ๕ ปลา
เรื่องที่ ๖ เครื่องจักรกล
เรื่องที่ ๗ พลังงาน
เรื่องที่ ๘ อากาศยาน
เรื่องที่ ๙ ดนตรีไทย
รายชื่อผู้เขียน

สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๑ / เรื่องที่ ๔ นก / ขนนก

 ขนนก
ขนนก

นกแตกต่างจากสัตว์อื่นๆ เนื่องจากมีขนชนิดหนึ่งที่ เรียกว่า "ขนนก" ปกคลุมทั่วตัว ขนนกนี้แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ ในโลกทุกชนิด ขนนกสามารถแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ ขนอุย ขนคลุมตัว และ ขนเส้น โดยเฉพาะขนคลุมตัวมักจะมี สีสันที่สวยงามยิ่ง และถือว่าเป็นความงามตามธรรมชาติจริงๆ

ขนอุย 

เป็นขนอ่อนๆ และละเอียดเป็นฝอย มักเป็นขนที่เกิดกับลูกนก และเป็นขนที่อยู่ชิดติดลำตัวใต้ขนคลุมอีกทีหนึ่ง เป็นขนที่ไม่ใคร่มีสีฉูดฉาด แต่โดยมากมักเป็นสีน้ำตาล เทา หรือขาว
ขนคลุมตัวของนกชนิดต่างๆ
ขนคลุมตัวของนกชนิดต่างๆ
ขนคลุมตัว

เป็นขนที่มีทั่วไปทั้งตัว เป็นขนที่มีแกน กลางแล้วมีขนละเอียดติดกันเป็นพืด แยกออกไปทั้งสองข้าง ขนเหล่านี้มีสีสันที่งดงามน่าดูมาก และขนเหล่านี้ยังสามารถกัน น้ำได้อีกด้วย ขนที่อยู่บริเวณหางและปีก มักจะใหญ่กว่าขนที่ อื่นๆ เพื่อใช้ในการบิน และพยุงตัว ดังนั้น ขนปีกและขนหาง จึงแผ่ออกไปคล้ายรูปพัด
ขนเส้น

เป็นขนขนาดเล็ก เป็นเส้นแข็งๆ หรือนุ่มๆ ใช้ รับความรู้สึกแทนประสาทได้ มักพบขึ้นทั่วๆ ไป ตามบริเวณ ปาก หน้าผาก หรือในนกบางชนิด ขนเส้นแทรกอยู่กับขนคลุม ตามลำตัวก็มี
ขนคลุมตัวของนกชนิดต่างๆ
ขนคลุมตัวของนกชนิดต่างๆ
ขนเส้นที่บริเวณปากนก
แม้ว่าขนนกจะมีสีสันงดงาม แต่หน้าที่แท้จริงของมัน ก็คือ ปกคลุมห่อหุ้มร่างกาย ป้องกันความร้อนหนาวจากอากาศ เนื่องจากนกเป็นสัตว์เลือดอุ่น คือ มีอุณหภูมิในร่างกายคงที่ ตลอดเวลา ไม่ว่าอุณหภูมิภายนอกจะเปลี่ยนเป็นร้อนหรือหนาว เย็นสักปานใดก็ตาม ดังนั้น ขนนกจึงมีความสำคัญมากในการ รักษาอุณหภูมิภายในร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการศึกษาและค้นคว้าจนได้ความ จริงแน่ชัดว่า นกได้มีวิวัฒนาการถือกำเนิดมาจากสัตว์เลื้อย คลาน ประมาณ ๑๕๐ ล้านปีมาแล้ว ต้นตระกูลโบราณของนก เท่าที่พบกันยังมีลักษณะเป็นสัตว์เลื้อยคลานอยู่มาก แต่มีขนนก แทนเกล็ด ที่ปากยังมีฟันเป็นซี่เล็กๆ บริเวณปลายปีกยังมีนิ้ว และเล็บยาว และมีหางซึ่งมีขนหางยาวมาก นักสัตวศาสตร์ เชื่อกันว่า นกต้นตระกูลนั้น คงบินไม่แข็ง คงทำได้แต่เพียง กระพือปีกร่อนไปมาตามต้นไม้เท่านั้น นิ้วและเล็บที่ปลายปีก คงใช้ในการช่วยจับยึดกิ่งไม้ ปีนป่ายไปตามลำต้น หางที่ยาว นั้น คงใช้ช่วยในการพยุงตัวมากกว่าที่ใช้ในการเลี้ยวร่อนขณะ อยู่ในอากาศ ปัจจุบันนี้ นิ้วและเล็บที่ปลายปีกนกได้หายไปจน หมดสิ้น คงเหลือเพียง ๒-๓ ชนิดเท่านั้น ที่ยังมีเล็บที่ปลายปีก สำหรับในประเทศไทย นกกระแต้หาดยังคงมีเล็บที่ปลายปีกแต่ สั้นมาก และสันนิษฐานกันว่า เพื่อเอาไว้ใช้ในการต่อสู้มากกว่า ประโยชน์อย่างอื่นๆ เพราะนกชนิดนี้มักอยู่ตามลานดินกว้างๆ หรือหาดทราย ไม่ป่ายปีนขึ้นต้นไม้เลย ลูกนกฮวตซิน (huatzin) ในทวีปอเมริกาใต้ ยังมีเล็บที่ปลายปีก สำหรับเกาะกิ่งไม้ป่ายปีนออก จากรังไป เที่ยวตามกิ่งไม้อื่นๆ ได้

ลำพวยก๊าซ
ขนคลุมตัวของนกชนิดต่างๆ 
๑. ขมิ้นแดง
๒. ยูง
๓. พญาไฟ
๔. สาริกาเขียวหางสั้น
๕. พญาปากกว้างหางยาว
๖. แซงแซว
๗. แสกแดง
๘. ขมิ้นหัวดำ
๙. โกโรโกโส
๑๐. หัวขวานใหญ่หางเหลือง
๑๑. เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ
๑๒. ปีกลายสก็อต
๑๓. ขุนแผนตะโพกแดง
๑๔. โพระดกคางเหลือง
๑๕. นิลตวาท้องสีส้ม
๑๖. ตะขาบปากแดง
๑๗. กางเขนน้ำหัวขาว

รูปร่างของนกทุกชนิดแทบจะคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ แหลมหัวแหลมท้าย และป่องตรงกลาง คล้ายจรวด ซึ่งเป็น รูปร่างที่เหมาะต่อการเคลื่อนไหวไปในอากาศดีที่สุด
นกกระแต้หาด
นกกระแต้หาด
สัตว์เลี้ยงบางประเภทก็เป็นสัตว์จำพวกนก แต่เราไม่ได้เรียกนกนำหน้าเท่านั้น เช่น เป็ด ไก่ เป็นต้น สัตว์เหล่านี้ มนุษย์ได้นำมาเลี้ยงเป็นระยะเวลานานๆ จนเชื่อง และบินไม่ไหว พวกไก่ป่า ไก่ฟ้า เป็ดป่า และห่านป่านั้น สามารถบินได้สูงๆ และไกลๆ เช่นเดียวกับนกประเภทอื่นๆ
นกฮวตซิน
นกฮวตซิน
มีนกหลายชนิดแม้จะมีปีกแต่ก็บินไม่ได้ ปีกเหล่านี้มัก จะใช้ในการพยุงตัว ขณะเดินหรือวิ่ง เช่น นกกระจอกเทศ นกอีมู เป็นต้น ปีกนกบางชนิดก็ใช้ในการว่ายน้ำได้ เช่น นกเพนกวิน เป็นต้น ปีกนกบางจำพวกมีไว้เพื่อใช้ในการร่ายรำอวดตัวเมีย ด้วย เช่น นกหว้า เป็นต้น

หางนกก็เช่นกัน ตามปกติ หางนั้นมีไว้สำหรับบังคับ ทิศทางที่นกต้องการบินไป แต่มีหางนกหลายชนิดที่มีเอาไว้ สำหรับอวดตัวเมีย หรือใช้ร่ายรำอวดตัวเมียได้ เช่น นกยูง นก แว่น หางนกบางชนิดแข็งมาก ใช้ช่วยค้ำจุนขณะไต่กิ่งไม้ ต้นไม้เพื่อหาอาหาร เช่น นกหัวขวาน เป็นต้น
หัวข้อก่อนหน้า หัวข้อถัดไป