
หนังสือและเครื่องเล่น สิ่งที่ช่วยพัฒนาจิตใจของเด็ก |
การช่วยเหลือ บางรายแพทย์ใช้ยาช่วย ชั่วคราว
และควรหาสาเหตุที่กระเทือนใจเด็ก ให้ความ สนใจ และเล่นกับเขามากขึ้น
หาทางให้เขาโยกตัว และเคลื่อนไหวอย่างมีความหมาย เช่น
เปิดดนตรีให้เข้าจังหวะเต้นรำ หรือเล่นชิงช้า เป็นต้น |
๒. การดูดนิ้ว
มักเกิดเวลาง่วงหรือดูอะไรเพลินๆ
บางครั้งดึงหู ไชหู จับผ้าอ้อมผ้าห่ม ฯลฯ
นอกจากนี้อาจเกิดเวลาอารมณ์เครียด โกรธ เสียใจ ผิดหวัง
การลงโทษด้วยการทาบอระเพ็ด หรือเอาผ้าพันนิ้ว
ล้วนเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง อาจช่วยเหลือ โดยหาสิ่งอื่นมาทดแทนให้จับ
หรือหาทางช่วย
๓. การกัดเล็บ พบมากในวัยรุ่น มักเกิด จากความเครียดทางอารมณ์
ควรช่วยเหลือ โดยลดบรรยากาศตึงเครียดในครอบครัว
ตัดแต่งเล็บให้สั้นอยู่เสมอ ให้กำลังใจเด็ก หรือหาสิ่งอื่นมาทดแทน
เมื่อจำเป็น เช่น ลูกอม หมากฝรั่ง เป็นต้น
๔. การแสดงอารมณ์รุนแรง เมื่อถูกขัดใจ หรือไม่สมหวัง พบในเด็กอายุ ๒ - ๓
๑/๒ ปี
เมื่อต้องการให้แม่ซื้อของเล่น แล้วไม่ได้อย่างใจ เด็กจะกรีดร้องเสียงดัง
ทุ่มตัวนอนดิ้น บางคนขว้างปา ทุบตีคน หรือวัตถุ วิธีแก้ไข
ผู้ใหญ่ควรมีทีท่าที่สงบ และไม่ให้อะไรแก่เด็ก ไม่ดุไม่ลงโทษ
เมื่อเด็กสงบแล้ว อธิบายให้เด็กเข้าใจ นอกจากนี้ผู้ใหญ่ต้องสำรวจตัวเองว่า
ไม่ได้แสดงความโมโหร้าย หรือเจ้าอารมณ์ให้เป็นตัวอย่าง แก่เด็ก
และไม่ตามใจ หรือเข้มงวดแก่เด็กเกินไป
๕. หายใจดั้น เด็กอายุเกิน ๖ เดือนขึ้นไป จนถึง ๓-๔ ปี
อาจมีอาการร้องแล้วกลั้นหายใจนิ่งเงียบ จนหน้าเขียว ตัวเกร็ง กระตุก
สักพักหนึ่ง แล้วจึงร้องดังต่อไป ผู้ใหญ่ควรช่วยเหลือ โดยไม่ตกใจ
หรือกังวล ตบตามตัวเด็ก ใช้น้ำแข็งแตะ จับตัวเขย่า
เมื่อเด็กหายใจได้ก็ปลอดภัย ผู้ใหญ่ไม่ควรให้สิ่งที่เด็กต้องการ
เมื่อเด็กใช้วิธีนี้
๖.
การดึงหรือถอนผมและขน พบในเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย เกิดในวัย ๒-๓ ปี
จนถึงวัยรุ่น ส่วนมากเกิดอาการ เมื่อมีความตึงเครียดทางอารมณ์
หรือเวลาที่เพลินไม่รู้ตัว ส่วนมากพบว่า มีปัญหาในครอบครัว
ช่วยเหลือโดยการปรับปรุงความสัมพันธ์ในครอบครัว และแก้ไขท่าทีต่อเด็ก
หรืออาจตัดผมให้สั้น เพื่อดึงยาก ควรตรวจว่า ไม่มีโรคผิวหนัง
หรือโรคของรากผม ส่วนแพทย์อาจใช้ยาสงบประสาทช่วย
๗. การเขม่น หรือกระตุกที่กล้ามเนื้อบริเวณ ใบหน้า ลำคอ ไหล่
แขน เช่น ขยิบตา กระแอม ยักไหล่ ทำจมูกฟุดฟิด พบในเด็กชายมากกว่า เด็กหญิง
ในวัยระหว่าง ๘-๑๒ ปี สาเหตุเนื่องจากความตึงเครียดทางอารมณ์
มักเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบสูง ตื่นเต้นตกใจง่าย เจ้าอารมณ์ ซุกซน
หรือชอบล้อเลียนผู้อื่น จนติดนิสัย ส่วนมากอาการไม่รุนแรง จะหายได้เอง
๘. การพูดติดอ่าง เนื่องจากไม่สามารถใช้ คำพูด และคำศัพท์ต่างๆ
ได้ทันใจคิด บางครั้งเป็นผลมาจากการล้อเลียน การถูกลงโทษ หรือการตกใจ
อย่างรุนแรง อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการ กลัว อาเจียน ฯลฯ
ช่วยเหลือได้โดยไม่คอยจับผิด การพูด ไม่ดุ หรือลงโทษ
เพราะจะทำให้ตึงเครียดยิ่งขึ้น ช่วยสอนคำศัพท์เพิ่มเติมให้
เด็กโตควรช่วยด้านจิตบำบัด ฝึกพูด บริหารกล้ามเนื้อ เช่น ร้องเพลง
ว่ายน้ำร่วมด้วย ร้อยละ ๘๐ ของเด็กติดอ่างจะหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา
ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนไม่ดี
ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนไม่ดี อาจมีสาเหตุหลายอย่างคือ
๑. สุขภาพทางกายไม่ดี เป็นโรคบางอย่าง เช่น โลหิตจาง สายตาผิดปกติ หูตึง
ต่อมทอนซิล อักเสบบ่อยๆ ทำให้เด็กขาดเรียน อ่อนเพลีย ง่วงเหงา
และการรับรู้ไม่สมบูรณ์ เป็นต้น |

การบริหารกล้ามเนื้อ ด้วยการฝึกให้เด็กว่ายน้ำ ช่วยแก้ปัญหาการพูดติดอ่าง |
๒.
โครงสร้างเฉพาะตัวแตกต่างกัน เด็กบางคนเรียนรู้ได้เร็ว และรับได้มาก
บางคนเรียนรู้ช้า และรับได้น้อย บางคนไม่ถนัดทางคำนวณ แต่มีความไวทางภาษา
บางคนมีความสามารถพิเศษทางศิลปะ ดนตรี บางคนมีระดับเชาวน์ปัญญาต่ำกว่าปกติ
|
๓.
สภาพแวดล้อม จากการศึกษาในต่างประเทศพบว่า เด็กที่พ่อแม่มีการศึกษาสูง
และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ช่วยเสริมประสบการณ์
จะฉลาดกว่าเด็กพวกตรงกันข้ามไม่มากก็น้อย
 |
การจัดหาอุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวก
ในการศึกษา ช่วยส่งเสริมการศึกษาของเด็ก |
๔. ความผิดปกติบางอย่างของสมอง
ทำให้เกิดความบกพร่องในการเรียนรู้ มักมีปัญหาในการอ่าน การเขียน
หรือการพูด พ่อแม่ให้ความช่วยเหลือได้
โดยให้เด็กได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ครูช่วยเหลือได้
โดยการฝึกให้เด็กอ่านและเขียน
วิธีการช่วยเหลือและสนับสนุนส่งเสริม
การศึกษาของเด็ก
๑. จัดหาอุปกรณ์
และเครื่องอำนวยความสะดวกในการศึกษาตามควรแก่ฐานะของพ่อแม่ เช่น โต๊ะ
เก้าอี้ โคมไฟ ตู้ ชั้นเก็บหนังสือ เครื่อง เล่น เพื่อการศึกษา
หนังสือที่ให้ความรู้ความเพลิดเพลิน นอกจากตำรา
เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และการใฝ่หาความรู้
|