สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 11
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๑๑ / เรื่องที่ ๒ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ / ส่วนเตรียมข้อมูล
ส่วนเตรียมข้อมูล
ส่วนเตรียมข้อมูล
แม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะกำเนิดขึ้นมาไม่นานนัก
ก็ได้เป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายทั้งทางราชการ รัฐวิสาหกิจ และธุรกิจเอกชน
เพื่อใช้เป็นเครื่องประมวลผลในปัญหาที่ตนเกี่ยวข้อง เช่น
ปัญหาทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมศาสตร์
สังคมศาสตร์ ธุรกิจและบัญชี การเกษตร การแพทย์
ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ทำงานอย่างหนัก ไม่มีเวลาว่างเว้น
เครื่องคอมพิวเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นมามีวิธีการป้อนคำสั่ง
หรือข้อมูลหลายวิธี เช่น เจาะรูเป็นรหัสบนบัตรคอมพิวเตอร์
บันทึกข้อมูลลงบนแถบแม่เหล็ก หรือจานแม่เหล็กเป็นรหัสต่างๆ เป็นต้น
เนื่องจาก เครื่องคอมพิวเตอร์มีภาระหนัก ในปัจจุบันจึงจำเป็น
ต้องทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
และไม่ควรเสียเวลาในสิ่งที่ไม่จำเป็นต่างๆ
ด้วยการเตรียมข้อมูลให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ดังนี้
๑. ความละเอียดแม่นยำ หมายถึงการเตรียมข้อมูลให้ถูกต้อง
มีการตรวจสอบข้อผิดพลาด และแก้ไขให้เรียบร้อย
มิฉะนั้น ผลของการประมวลผลจะผิดพลาด หรือเครื่องไม่สามารถปฏิบัติตามได้
ทำให้ต้องเสียเวลาเตรียมข้อมูลใหม่
และเสียเวลาการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่จำเป็น
๒. อัตราเร็วของการป้อนข้อมูล
การลดเวลาป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
จะสามารถป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้มาก
ช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งทำได้
ด้วยการนำข้อมูลต่างๆ บันทึกไว้ในรูปแบบอื่น เช่น
บันทึกไว้บนบัตรคอมพิวเตอร์ก็ให้นำมาเข้าเครื่องเปลี่ยนรหัส
แล้วบันทึกลงสู่แถบแม่เหล็ก
๓. ง่ายต่อการใช้งาน เครื่องที่ใช้บันทึกข้อมูล
และป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ควรมีรูปแบบที่กะทัดรัด และง่ายต่อการใช้งาน
เช่น แถบตลับ หรือดิสก์แพ็ค เป็นต้น
๔. ประหยัดค่าใช้จ่าย การบันทึกข้อมูลลงบนแถบหรือจานแม่เหล็ก
โดยตรวจแก้ไขให้ถูกต้องเรียงลำดับให้เหมาะสม
ทำให้สามารถป้อนข้อมูลได้รวดเร็ว ประหยัดเวลา
และค่าใช้จ่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องเตรียมข้อมูลลงบนบัตรคอมพิวเตอร์
การเจาะรูลงบนบัตรคอมพิวเตอร์ มีอุปกรณ์หลาย อย่างด้วยกันคือ
เครื่องเจาะบัตร เครื่องตรวจสอบ เครื่อง แปล เครื่องเรียงบัตร
เครื่องรวมบัตร เป็นต้น
เครื่องเจาะบัตร
เป็นเครื่องเจาะรูบนบัตรคอมพิวเตอร์ให้เป็นรหัสแทนคำสั่ง
หรือข้อมูล โดยมีแป้นอักษรติดตั้งอยู่ คล้ายเครื่องพิมพ์ดีด
เมื่อต้องการเจาะบัตรพนักงาน จะกดแป้นอักษรตามคำสั่ง และข้อมูลที่ต้องการ
กลไกของเครื่องจะเจาะบัตรออกตามต้องการ ด้วยอัตราเร็วของการกดแป้นอักษร
ถ้าต้องการให้พนักงานเจาะบัตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องเจาะบัตรต้องสามารถป้อนบัตร ตั้งตำแหน่งเลื่อนบัตร
ปล่อยบัตรโดยอัตโนมัติ และทำบัตรใหม่ ที่เหมือนบัตรเดิม (duplicate)
ด้วยอัตราเร็ว ๑๐-๑๕ ครั้งต่อนาที
เครื่องเจาะบัตรบางเครื่องสามารถทำได้ทั้งเจาะและพิมพ์ข้อมูลลงบนบัตร
(บางเครื่องไม่มีการพิมพ์)
เครื่องตรวจสอบบัตร
เป็นเครื่องที่มีรูปร่างคล้ายเครื่องเจาะบัตร
มีกลไกในการเจาะเป็นเข็ม ๑๒ เล่ม แทนที่จะเป็นเหล็กเจาะ (punching dies)
๑๒ อัน แต่ไม่ได้ทำหน้าที่เจาะบัตร
ในการตรวจสอบ พนักงานจะกดแป้นอักษรตามคำสั่ง และข้อมูลเดียวกัน
ถ้าบัตรถูกเจาะถูกต้องหมดทั้งแผ่น
เข็มก็จะสอดลงรู ที่เจาะไว้บนบัตรถูกต้องทุกรู
แล้วก็ทำให้มีกลไกตัดขอบบัตรทางขวามือให้แหว่งระหว่างแถว o กับแถว ๑
แสดงว่าบัตรถูกต้อง แต่ถ้าบัตรไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้เครื่องถูกกีดขวาง
(block) ชั่วคราว พนักงานจะตรวจสอบบัตรดูอีก ถ้าเห็นว่า
บัตรถูกเจาะไว้ ไม่ถูกต้องจริง
ก็ให้เครื่องตัดขอบบนให้แหว่งตรงกับแถวตามแนวดิ่งที่มีการเจาะผิด
เมื่อตรวจสอบครบทุกบัตร
เราสามารถแยกบัตรที่ไม่ถูกต้องออกจากบัตรที่ถูกต้อง
โดยอาศัยรอยแหว่งที่ขอบบัตร แล้วแก้บัตรที่ไม่ถูกต้องให้เรียบร้อย
เครื่องแปล
เป็นเครื่องพิมพ์ข้อมูลบางตัวที่ต้องการ ใส่ไว้ตอนบนของบัตรคอมพิวเตอร์
เนื่องจากการเจาะบัตรจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีการพิมพ์ตัวอักษรลงบนบัตร
หรือจากเครื่องเจาะบัตรบางแบบที่ไม่มีการพิมพ์ จึงจำเป็นต้องให้เครื่องแปล
พิมพ์ตัวอักษรลงมาบนบัตรด้วย เพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้น
เครื่องเรียงบัตร
ภายหลังที่เจาะและตรวจสอบบัตรคอมพิวเตอร์ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
เพื่อให้สะดวกต่อการประมวลผลต่อไป
เราต้องนำบัตรมาเรียงก่อนหลังให้มีความหมายที่ดีที่สุดตามตัวเลข
หรือตัวอักษร
เครื่องเรียงบัตรสามารถทำงานได้ โดยวางบัตรลงในที่วางบัตร
และตั้งตัวเลข หรือตัวอักษรที่ต้องการ ด้วยการหมุนปุ่มให้ตรงกับตัวเลข
หรือตัวอักษรที่ต้องการ เมื่อให้เครื่องทำงาน
เครื่องจะจัดเรียงบัตรมาให้ตามต้องการด้วยอัตราเร็ว ประมาณ ๒,๐๐๐
บัตรต่อนาที หรือ ๒,๐๐๐ บัตร ต่อ ๑ สดมภ์ (column pass) ใน ๑ นาที
เครื่องรวมบัตร
เป็นเครื่องเปรียบเทียบบัตร ๒ ชุด ที่มีข่าวสารสัมพันธ์กัน
ให้เรียงบัตรเข้ากันเป็นระเบียบเดียวกัน
หรือรวมกันเป็นชุดเดียวกัน ตามตัวเลข หรือตัวอักษร นอกจากนี้
ยังสามารถตรวจสอบการเรียงลำดับของบัตร และสามารถเลือกบัตรออกจากชุดได้
เครื่องรวมบัตรสามารถทำงานได้ โดยวางบัตร ๒ ชุดลงในที่วางบัตรแห่งที่ ๑
และแห่งที่ ๒ เมื่อเครื่องทำงาน เครื่องจะจัดบัตรทั้ง ๒
ชุด เรียงมาเป็นชุดเดียวกัน
เครื่องเจาะบัตรอัตราเร็ว
เป็นเครื่องผลิตบัตรขึ้นใหม่
เพื่อนำไปใช้ในงานอื่นๆ
ซึ่งถ้าใช้วิธีเจาะบัตรด้วยเครื่องเจาะบัตรก็ทำได้ช้า มีราคาแพง
และอาจมีการผิดพลาด ดังนั้นจึงต้องใช้เครื่องเจาะบัตรอัตราเร็ว
ซึ่งอาจผลิตออกมาให้เหมือนบัตรเดิม หรือเปลี่ยนแปลงรูปร่างก็ได้
โดยอาจผลิตออกมาเพียงแผ่นเดียว หรือหลายแผ่น (gang punch)
เครื่องเตรียมข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก
แม้ว่าเครื่องเจาะบัตรแบบต่างๆ
จะสามารถเจาะบัตร ได้มากมาย แต่ก็ยังใช้เวลามาก
และเสียค่าใช้จ่ายสูง ในการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
ดังนั้นจึงได้มีการแก้ไข ปรับปรุง ด้วยการบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็กโดยตรง
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้บันทึกข้อมูลลงแถบหรือจานแม่เหล็ก
ด้วยการกดแป้นอักษร
แล้วมีสัญญาณไฟฟ้าไปเก็บไว้ ที่ส่วนความจำแบบแกนแม่เหล็ก
ก่อนที่จะส่งผ่านต่อไปยังแถบ ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบ และแก้ไขข้อผิดพลาดก่อน
ด้วยการกดแป้นอักษรซ้ำข้อความเดิม เมื่อพบว่า มีข้อผิดก็สามารถแก้ไขได้
แล้วจึงส่งผ่านไปยังแถบแม่เหล็ก วิธีการนี้
ทำให้การเตรียมข้อมูลลงแถบแม่เหล็กเร็วกว่า การเตรียมข้อมูลลงบัตร
เนื่องจากการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม ตรวจสอบง่าย
และทำงานได้อย่างเงียบสงบ ในทำนองเดียวกันกับการเตรียมข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก
เราสามารถเตรียมข้อมูล จากแป้นอักษรลงสู่แถบตลับ จานแม่เหล็ก
และดิสเกตต์ได้เช่นกัน
ระบบป้อนข้อมูล
เนื่องจากวิธีการเตรียมข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก
(key to tape) หรือจานแม่เหล็ก (key to disk, key to diskett)
มีข้อได้เปรียบดังกล่าวข้างต้น ตลอดจนมีคนนิยมใช้กันมาก
และแถบหรือจานแม่เหล็กที่มาจากเครื่องบันทึกข้อมูลแบบต่างๆ ก็มีจำนวนมาก
จึงเกิดปัญหาในการนำแถบหรือจาน แม่เหล็กเหล่านี้มารวมกันตามลำดับก่อนหลัง
เพื่อส่งเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อแก้ปัญหานี้
ได้มีการสร้างระบบป้อนข้อมูล (keyboard data entry system) ขึ้นมา
โดยเชื่อมสถานีป้อนข้อมูลหลายๆ สถานี เข้าด้วยกัน
ส่วนการจัดลำดับก่อนหลังในการบันทึกแถบหรือจานแม่เหล็กนั้น
ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ วิธีการนี้ ทำให้ประหยัดเวลา
และค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
เครื่องอ่านเครื่องหมายเชิงแสง
(optical mark reader)
เป็นเครื่องอ่านจากรอยเขียนเครื่องหมายด้วยดินสอดำไส้ตะกั่วมาตรฐานทั่วๆ
ไป หรือรหัสที่พิมพ์ไว้บนกระดาษ หรือรหัสที่พิมพ์นูนขึ้นมา
โดยใช้โฟโตอิเล็กทริกเซลล์รับแสงสะท้อนจากรอยดินสอดำ
แล้วเปลี่ยนให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า ส่งเข้าวงจรไฟฟ้า
เพื่อเปลี่ยนเครื่องหมายให้เป็นตัวเลข ตัวอักษร
หรือรหัสที่เป็นภาษาของคอมพิวเตอร์ ด้วยอัตราเร็วต่างๆ กัน เช่น ๓๐๐-๒,๔๐๐
แผ่นต่อชั่วโมง
แบบฟอร์มที่ใช้กับเครื่องอ่านเครื่องหมายเชิงแสงนี้
ต้องออกแบบบให้เหมาะสม และเข้ากันได้ กับแบบของเครื่องอ่านเครื่องหมายเชิงแสงที่ใช้ ซึ่งเรานิยมใช้เครื่องนี้ในการ
ตรวจคะแนนสอบ บัญชีจ่ายเงินเดือน แบบฟอร์มควบคุมจำนวนสิ่งของในคลัง (inventory control) แบบฟอร์มประกันภัย
เครื่องอ่านตัวอักษรเชิงแสง
(optical character reader)
เป็นเครื่องที่สามารถอ่านตัวอักษรที่เขียนด้วยมือและตัวอักษร
ที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์
แล้วเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบ ที่เครื่องสามารถประมวลผลได้ โดยมีหลักการทำงาน
ดังนี้
ส่วนที่ใช้อ่านต้องปิดไม่ให้แสงเข้า
ในส่วนนี้มีหลอดส่องแสงเปล่งแสงออกเป็นลำ กวาดไปบนแผ่นกระดาษเอกสาร
แล้วสะท้อนพุ่งเข้าสู่จุดรับแสง (light sensors)
ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งเข้าวงจรไฟฟ้า
เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับตัวอักษรมาตรฐานที่เครื่องใช้แล้ว
เครื่องจะระบุออกมาว่า ตัวอักษรนั้นเป็นตัวอะไร วิธีการเช่นนี้
ทำให้สามารถอ่านลายมือได้ ถ้าหากเขียนตามกฎเกณฑ์ที่วาง เช่น
ต้องให้เขียนตัวใหญ่ และรูปร่างง่ายๆ เป็นต้น
 |
ตัวอย่างรหัสแบบแถบเส้นและตัวอักษร
ที่เครื่องอ่านเชิงแสงสามารถอ่าน และประมวลผลได้ |
เครื่องอ่านหมึกแม่เหล็ก
(magnetic ink character reader)
เป็นเครื่องที่สามารถอ่านตัวอักษรที่พิมพ์ด้วยหมึก
ซึ่งมีส่วนผสมของสารแม่เหล็ก
นิยมใช้เครื่องนี้ในการอ่านข้อมูล ที่พิมพ์ด้วยหมึกชนิดนี้บนเช็ค
เมื่อเช็คผ่านเข้าไปในเครื่อง
เครื่องจะทำให้สารแม่เหล็กในหมึกกลายเป็นแม่เหล็ก
ครั้นเช็คผ่านไปอีกจุดหนึ่งที่มีเครื่องอ่าน
ซึ่งทำให้เกิดกระแสชักนำจากสนามแม่เหล็กบนเช็ค แล้วส่งข้อมูล เช่น
รหัสธนาคาร เลขที่บัญชี และจำนวนเงิน เป็นต้น เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
|
 เช็คธนาคารที่ใช้หมึกผสมสารแม่เหล็กในการพิมพ์รหัสข้อมูลของเช็ค
(ในตอนล่าง) เมื่อใช้กับเครื่องอ่านหมึกแม่เหล็กแล้ว
ก็จะประหยัดเวลาในการป้อนรหัสเหล่านี้เข้าคอมพิวเตอร์ได้
คงเหลือแต่การป้อนตัวเลขยอดเงิน ที่เขียนด้วยลายมือเท่านั้น
ที่ยังต้องใช้คนช่วย |
ประโยชน์สำคัญของเครื่องนี้ คือ สามารถอ่านข้อ
มูลจากเช็คได้ถึง ๒,๐๐๐ ฉบับต่อนาที และสามารถอ่านข้อมูลจากเช็คที่มีรอยพับ และเปรอะเปื้อนได้ด้วย
เครื่องอ่านชนิดนี้มีข้อจำกัดคือ สามารถอ่านได้เฉพาะตัวเลข ๑๐ ตัว และเครื่องหมายพิเศษอีก ๔ แบบ
เท่านั้น
เครื่องรับเสียงพูด
(voice recognition)
เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์แบบหนึ่ง ที่มีความสามารถ
ดังนี้
๑.
สามารถรับรู้เสียงพูด ผ่านเข้าเครื่องไมโครโฟน หรือแถบบันทึกเสียง
โดยคำพูดที่รับเข้าแต่ละคำจะต้องแยกกันชัดเจน และผู้พูดมีสำเนียงคงเดิม
๒. รับรู้คำพูดที่มีขนาดอยู่ระหว่าง ๐.๒-๒ วินาที
๓. รับรู้คำพูดได้ภายในเวลา ๐.๕ วินาที
๔. มีความแม่นยำร้อยละ ๙๘
๕. สามารถวิเคราะห์จำนวนคำได้
(มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนหน่วยความจำของอุปกรณ์ส่วนนี้)
ส่วนประกอบของอุปกรณ์รับเสียงพูด ประกอบด้วย
๑. วงจรเปลี่ยนสัญญาณ ทำหน้าที่เปลี่ยน
สัญญาณเชิงอุปมานเป็นสัญญาณเชิงตัวเลขแบบ ๘ บิต
และสามารถปรับระดับของสัญญาณด้วยวงจรควบคุม
๒. ส่วนคำนวณและวิเคราะห์เสียงพูด ทำ การคำนวณ วิเคราะห์ และเปรียบเทียบ
แล้วส่งผลที่ได้ไป ให้วงจรควบคุม
๓. วงจรควบคุม รับคำสั่งจากคอมพิวเตอร์
และทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของหน่วยความจำ
๔. หน่วยความจำ ทำหน้าที่ในการจำลักษณะของคำพูด เพื่อใช้สำหรับเปรียบเทียบ
๕. วงจรนาฬิกา ทำหน้าที่สร้างสัญญาณนาฬิกาป้อนให้กับทุกส่วน
เพื่อให้แต่ละส่วนทำงาน
๖. ระบบติดต่อกับคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่
จัดและสร้างสัญญาณติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ |
|