ข้อแนะนำในการทำการเกษตรบนที่สูง
การปลูกพืช ในที่ซึ่งเป็นภูเขา และหุบเขานี้
ควรจะคำนึงถึงแหล่งต้นน้ำลำธารเป็นอย่างมาก ควรรักษา
และทำนุบำรุงป่าต้นน้ำไว้ให้ดี และในกรณีที่ป่าต้นน้ำถูกทำลายไปแล้ว
ก็จะต้องรีบปลูกป่าขึ้นมาทดแทน ให้เร็วที่สุด
เพื่อจะทำให้ต้นน้ำลำธารฟื้นตัวขึ้นมาใหม่
และจะสามารถอาศัยใช้น้ำได้ในอนาคต
|
 ดอกไพรีทรัม |
ในที่ลาดชันมากๆ และที่ดินไม่ดี ควรพิจารณาปลูกไม้ป่า
หรือไม้ผลบางชนิดที่ทนทาน เช่น บ๊วย ส่วนในที่ซึ่งมีความลาดชันปานกลาง
ถึงลาดชันน้อย ก็จะเหมาะสำหรับไม้ผล และพืชอายุสั้นต่างๆ เช่น ผัก ไม้ดอก
ไม้ประดับ พืช ไร่ ตลอดจนพืชสมุนไพร
|
 แปลงไพรีทรัม |
เนื่องจากที่สูงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
ดังนั้นการทำการเกษตรบนที่สูง จึงควรทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
การใช้สารเคมีต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และยากำจัดวัชพืชนั้น
อาจจะปะปนลงไปในลำห้วย ลำธารต่างๆ ได้โดยง่าย
และสารบางชนิดก็อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในน้ำ
ซึ่งจะไหลลงมาสู่พื้นที่ต่ำ และลงสู่แม่น้ำในที่สุด
ทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมาก |
 ดอกลินิน | การให้น้ำแก่พืชที่ปลูกบนที่สูงก็ควรทำอย่าง
ประหยัดและมีการควบคุม เพราะถ้าใช้น้ำมากเกินไป
จนไม่มีเหลือให้ไหลลงไปสู่พื้นที่ต่ำแล้ว
เกษตรกรในพื้นที่ต่ำก็จะเกิดปัญหาขึ้น การควบคุมการใช้น้ำบนที่สูงนี้
จะเกี่ยวข้องกับการเลือกพืชที่จะปลูกและวิธีการให้น้ำ ตลอดจน
การใช้วิธีการต่างๆ ในการเพาะปลูกที่จะทำให้สามารถสงวน
น้ำในดินไว้ได้เป็นเวลานาน
|
เนื่องจากพื้นที่สูงมักจะเป็นพื้นที่ลาดชัน
การทำการเกษตรที่สูงจึงอาจก่อให้เกิดการพังทลายของดินได้โดยง่าย
ถ้าขาดความเข้าใจ หรือขาดความระมัดระวังแล้ว หน้าดินก็จะถูกน้ำพัดพาไป
จนเหลือแต่ดินดาน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในการปลูกพืช และในที่สุด
ก็จะต้องทิ้งให้รกร้าง
กลายเป็นทุ่งหญ้าที่ไม่มีประโยชน์หรือเป็นภูเขาหัวโล้น
การเตรียมดินแบบขั้นบันไดเพื่อใช้ปลูกพืช จึงมีความสำคัญในที่ลาดชัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ พืชอายุสั้นซึ่งจะต้องปลูกหลายครั้งในแต่ละปี
และต้องการการไถพรวนอยู่เสมอ
เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ
การรักษาสมดุลของธรรมชาติ เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ต่ำแล้ว
การทำการเกษตรบนที่สูงนับว่า ยังใหม่มาก ดังนั้นที่สูง
จึงยังคงมีลักษณะเป็นธรรมชาติอยู่ไม่น้อย
และควรพยายามรักษาสมดุลของธรรมชาติไว้ ตัวอย่างหนึ่งในเรื่องนี้ก็คือ
การใช้ยาฆ่าแมลงในการเพาะปลูกพืช ถ้าใช้โดยขาดความรู้ทางวิชาการแล้ว
ก็จะทำให้แมลงที่เป็นประโยชน์ ตลอดจนตัวห้ำ และตัวเบียน
ของแมลงที่เป็นศัตรูต้องสูญสิ้นไป
และในที่สุด ก็จะต้องใช้ยาฆ่าแมลงมากขึ้นทุกที
เป็นผลให้เกิดความเสียหายทั้งในเชิงธุรกิจ และนิเวศวิทยาเป็นอย่างมาก
|