กระบังหน้า |
ท่ารำเป็นแบบผสม ละครแบบนี้มักจะแสดงเป็นเรื่องของต่างภาษา เช่น
พม่า ลาว แขก จีน ท่ารำก็เป็นท่ารำของชาตินั้นๆ ผสมกับท่ารำไทย เพลงร้อง
เพลงดนตรีก็ผสมตามภาษานั้นๆ อาจเป็นเพลงภาษานั้นแท้ๆ
หรือที่ไทยแต่งให้เป็นสำเนียงภาษานั้นๆ และอาจมีเพลงไทยแท้ๆ
ผสมด้วยก็ได้ |
เครื่องแต่งตัว เป็นไปตามภาษาของเรื่องที่แสดงนั้น เช่น
พม่าก็แต่งเป็นพม่า ลาวก็แต่งเป็นลาว และจีนก็แต่งเป็นจีน
ดนตรีใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม
การแสดง มีทั้งต้นเสียง ลูกคู่ เป็นผู้ร้อง บางตอนตัวละครก็ร้องเอง
การรำก็ผสมดังกล่าวแล้ว แต่ถ้าเรื่องที่แสดงเป็นไทยล้วน ไม่มีภาษาอื่นเลย
ก็ใช้ท่ารำไทยผสมกับท่าสามัญชน คือ ท่าทางของคนเรานี้ผสมกับท่ารำ
โดยทำให้ท่ารำไม่ถึงขั้นศิลปะของการรำ
เมื่อแสดงจบเนื้อเรื่องของฉากหนึ่งแล้ว ก็ปิดม่าน
แล้วเปิดม่านแสดงฉากต่อไปทีละฉากจนจบเรื่อง
ผู้แสดง มิได้กำหนดว่า จะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง แล้วแต่สะดวก
เรื่องที่แสดงมักนิยมแสดงเรื่องของต่างภาษา เช่น เรื่องราชาธิราช พระลอ
และสามก๊ก เรื่องที่เป็นไทยก็มีเรื่องจำพวกพระราชพงศาวดาร บางตอน เช่น
วีรสตรีถลาง คุณหญิงโม
|
เสื้อผ้าตัวละครปักดิ้นเลื่อมแพรวพราว |
ละครดึกดำบรรพ์
ละครดึกดำบรรพ์ เป็นละครรำที่นำแบบโอเปร่ามาใช้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงปรับปรุงขึ้น
เพื่อให้คณะละครของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) แสดง
ละครดึกดำบรรพ์ มีลักษณะดังต่อไปนี้
การแสดง แสดงบนเวที เปลี่ยนฉากตามเนื้อเรื่องเช่นเดียวกับละครพันทาง
ท่ารำ ใช้ท่ารำตามแบบแผน แต่ตัดทอนเพิ่มเติม และดัดแปลง
ให้พอเหมาะกับเพลงร้อง และเพลงดนตรี
|
ปันจุเหร็จเพชร ใช้กับตัวเอก |
เพลงร้อง และเพลงดนตรี ใช้เพลงไทยของเก่า
แต่แก้ไขเปลี่ยนแปลงบางเพลง ให้สั้นยาว พอเหมาะกับการแสดง
กับมีเพลงที่พลิกแพลงให้แปลกและไพเราะยิ่งขึ้น
รวมทั้ง มีการแต่งเพิ่มเติมขึ้นใหม่อีกด้วย
|
การแสดง ผู้แสดงเป็นผู้ร้องในบทของตนเอง
เพราะบทร้องเป็นบทคำพูดของตัวละคร ไม่มีบทบอกชื่อ บอกกิริยา
หรือบอกอารมณ์ ของตัวละคร รวมความว่า ตัวละครทุกตัวพูดเป็นเพลง
ดนตรี เป็นวงปี่พาทย์ที่ปรับปรุงขึ้นเป็นพิเศษ
มีแต่เครื่องดนตรีที่เสียงทุ้มนุ่มนวล
ไม่มีพวกเสียงดัง เสียงสูง เสียงเล็กแหลมเลย คือ ไม่มีกลองทัด ปี่ใน
ฆ้องวงเล็ก และระนาดเอกเหล็ก ส่วนระนาดเอกก็ตีด้วยไม้นวม
เพื่อให้เสียงนุ่มนวลไม่แกร่งกร้าว มีสิ่งแปลกกว่าวงปี่พาทย์อื่นๆ ก็คือ
กลองตะโพน ซึ่งใช้ตะโพน ๒ ลูก เอาเท้าที่ตั้งออกให้เหลือแต่ตัวตะโพน
แล้วตั้งหน้าด้านใหญ่ขึ้น ติดข้าวสุกให้เสียงต่ำ ตีแทนกลองทัด ฆ้องชัย
(หรือฆ้องหุ่ย) มี ๗ ลูก เทียบเสียงเรียงลำดับกันเป็น ๗ เสียง ตีห่างๆ
อนุโลมอย่างเบสส์ของฝรั่ง
| ปันจุเหร็จทอง ใช้กับตัวเอกและตัวรอง
ปันจุเหร็จ เครื่องประกอบศรีษะ ใช้ในความหมายแทนผ้าโพก
ปันจุเหร็จเพชรและปันจุเหร็จทอง มิได้แสดงความแตกต่างของฐานะตัวละคร เพียงแต่เลือกใช้ให้เหมาะสม ในแต่ละครั้งเท่านั้น |
เรื่องที่แสดง เป็นเรื่องที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
ทรงพระนิพนธ์ปรับปรุง จากบทละครพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ โดยมาก เช่น คาวี
สังข์ทอง สังข์ศิลป์ชัย มณีพิชัย และอิเหนา
ที่เป็นพระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๖ ได้แก่ เรื่องศกุนตลา พระเกียรติรถ
และท้าวแสนปม และพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบูรณอินทราชัย ก็มีเรื่องพระยศเกตุ จันทกินรี
และสองกรวรวิก |