ถ้าจะถามเด็กๆ ว่า "ทำไมจึงต้องกินอาหาร" เด็กๆ ก็คงตอบว่า "เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรงไม่เจ็บป่วย มีแรงวิ่งเล่นได้"
เด็กๆ ต้องกินอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย วันหนึ่งๆ
ไม่น้อยกว่า ๓ มื้อ มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น อาหารที่เด็กๆ
กินต้องมีสารอาหารครบทั้ง ๖ ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ และอาหารนั้น ควรจะสะอาด ไม่มีเชื้อโรค
หรือสิ่งต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ปนเปื้อนมาด้วย เด็กๆ จึงจะแข็งแรง
และมีสุขภาพดี
|
 | ถ้าอาหารที่เด็กๆ กิน ไม่สะอาด มีเชื้อโรคปนเปื้อนมาด้วย
เด็กๆ อาจป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ เช่น อหิวาตกโรค โรคไทฟอยด์
โรคบิด โรคตับอักเสบ หรืออาจมีอาการท้องเดิน ปวดท้อง คลื่นไส้
อาเจียน วิงเวียนศีรษะ |
ถ้าอาหารที่เด็กๆ กิน มีสิ่งต่างๆ ที่เป็นอันตราย หรือเป็นพิษต่อร่างกายปนเปื้อนมา เด็กๆ ก็จะได้รับอันตรายจากสิ่งเหล่านั้น
สิ่งปนเปื้อนที่มาจากสิ่งแวดล้อม และเป็นอันตราย หรือเป็นพิษต่อร่างกาย
มีหลายชนิด เช่น สารกำจัดแมลงที่ติดมากับผักผลไม้ สารพิษจากเชื้อราในถั่วลิสงป่น
โลหะตะกั่ว ในอาหารกระป๋องที่ใช้ตะกั่วบัดกรี กระป๋อง สีจากถุงพลาสติก
หรือภาชนะพลาสติก ที่ใช้ใส่อาหาร สีจากหมึกพิมพ์บนกระดาษหนังสือพิมพ์
ที่ใช้ห่ออาหาร และสีจากถ้วยชาม ที่มีลวดลาย และสีฉูดฉาด เป็นต้น
|
 |
สิ่งต่างๆ เหล่านี้
เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะพยายามกำจัดออกมาให้หมด แต่ถ้ากำจัดไม่หมด
เหลือสะสมไว้ในร่างกาย เมื่อมีปริมาณมากพอ
ก็จะทำให้เกิดอันตรายแก่อวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดอาการผิดปกติ
และอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
เด็กๆ ควรจะต้องรู้จักเลือกกินแต่อาหารที่มีคุณภาพดี
มีคุณค่าอาหารสูง เป็นอาหารที่สุก สะอาด ปรุงขึ้นใหม่ๆ
เก็บไว้ในภาชนะที่สะอาด และไม่มีสี เด็กๆ ไม่ควรกินอาหารหมักดอง
หรืออาหารกระป๋องที่มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน แต่ควรกินผักสด ผลไม้สด
ที่ล้างสะอาด ไม่มีสารกำจัดแมลงเหลือติดอยู่ เด็กๆ จะได้เจริญเติบโต
มีร่างกายแข็งแรง และมีสุขภาพดี
|