มีคำพังเพยแต่โบราณว่า
"เมื่อหมดหน้านา
ผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายตีเหล็ก"
คำพังเพยนี้บ่งบอกความเป็นมาของการช่างไทย กล่าวคือ แต่เดิมการช่างของไทย
เริ่มจากบุคคลในครอบครัวก่อน เมื่อเสร็จจากการทำนาและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว
หัวหน้าครอบครัวที่เป็นผู้ชายก็จะใช้เวลาตีเหล็ก
เพื่อทำ มีด พร้า จอบ เสียม และอื่นๆ
ส่วนผู้หญิงก็ทำงานเบากว่าอย่างการทอผ้า จักสานเครื่องใช้จำพวกกระด้ง
กระจาด เป็นต้น บางครอบครัวอาจผลิตสิ่งของได้มาก จนเหลือใช้
ก็จะนำไปแลกเปลี่ยน กับเครื่องใช้สอยอื่น ที่ตนไม่สามารถผลิตได้
ทำให้มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายเครื่องมือเครื่องใช้ทางหัตถกรรมประเภทต่างๆ
ขึ้นในหมู่บ้าน
หรืออาจขยายออกไปเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายระหว่างต่างหมู่บ้าน
ต่างเมืองไกลออกไป |

การช่างของไทยแต่เดิมเริ่มจากในครอบครัวก่อน เช่น การทอผ้าของผู้หญิง
และการตีเหล็กของผู้ชาย เพื่อทำเครื่องใช้บางอย่าง |
การทำหัตถกรรม
ในครัวเรือนดังกล่าวนี้ เป็นระยะเริ่มแรกของการช่างไทย
โดยผู้ใหญ่มักเป็นผู้สอนให้ลูกหลานทำ
และถ่ายทอดกันจากครอบครัวไปสู่หมู่บ้าน จึงเกิดเป็นหมู่บ้านช่างชนิดนั้นๆ
เป็นหมู่บ้านไป เช่น หมู่บ้านทำบาตรพระ ก็เรียกว่า "บ้านบาตร"
เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงมี "บ้านกระดาษ"
"บ้านหม้อ" "บ้านพานถม" และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งในเมืองใหญ่
และเมืองเล็ก |

การช่างของไทยแต่เดิมเริ่มจากในครอบครัวก่อน เช่น การทอผ้าของผู้หญิง
และการตีเหล็กของผู้ชาย เพื่อทำเครื่องใช้บางอย่าง |
นอกจากการช่างที่ชาวบ้านทำใช้ในครอบครัวแล้ว
บางครั้งช่างชาวบ้านยังทำถวายภิกษุ ถวายวัดเป็นการทำบุญ
มีมาตั้งแต่การซ่อมสร้างสิ่งเล็กในวัด จนถึงสิ่งใหญ่ เช่น กุฏิ ศาลา โบสถ์
และวิหาร การก่อสร้างขนาดใหญ่มักมีเศรษฐี หรือผู้ที่มีฐานะดี
ช่วยบริจาคเงินให้ช่างทำ บางครั้งเด็กลูกหลานตามผู้ใหญ่ที่เป็นช่างไปวัด
เด็กก็พลอยช่วยผู้ใหญ่ทำงานช่าง นานเข้าก็ชำนาญ คนที่ชอบการช่าง
อาจให้พ่อแม่ฝากกับช่าง ที่รู้จักชอบพอกัน และนับถือในฝีมือ
โดยไปเป็นลูกศิษย์คอยรับใช้ และฝึกฝนการช่างต่อไป เด็กดังกล่าวเหล่านี้
เมื่อโตขึ้นกลายเป็นช่างฝีมือประจำหมู่บ้าน |
ช่างอีกฝ่ายหนึ่งที่เราอาจพบเห็นในเมืองต่างๆ ได้แก่ "พระช่าง"
พระช่าง คือ ภิกษุที่มีความสามารถทางการช่างประเภทต่างๆ เช่น ช่างไม้
ช่างปูน ช่างสลัก ช่างหล่อ ช่างลงรักปิดทอง เป็นต้น
ดังนั้นในการซ่อมสร้างส่วนต่างๆ ในวัดวาอาราม จึง
เห็นพระช่างร่วมมือกับช่างชาวบ้านบูรณปฏิสังขรณ์ ศาลาการเปรียญ กุฏิ โบสถ์
วิหาร เป็นต้น |

การสร้างโบสถ์ส่วนใหญ่จะมีผู้ที่มีฐานะดีบริจาคเงินสร้าง
โดยจ้างช่างที่มีฝีมือในละแวกนั้น ๆ |
วัดในสมัยโบราณเป็นโรงเรียนของหมู่บ้าน
มีพระเป็นผู้ให้วิชาความรู้ทางหนังสือ ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ
วิชาแพทย์แผนโบราณ ตลอดจนวิชาการช่างต่างๆ ดังนั้นคนที่เคยเป็นเด็กวัดก็ดี
สามเณรก็ดี มีโอกาสเรียนรู้วิชาการช่างจากวัด เมื่อโตขึ้น
ก็สามารถใช้วิชาช่างนี้ ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ถ้าสมัครเข้ารับราชการงานช่าง
ก็จะได้ร่วมงาน ช่างในราชสำนัก และได้ชื่อว่าเป็น "ช่างหลวง" |