นับแต่โบราณมา วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมไทย อาจแบ่งได้เป็น ๒
ระดับ คือ ประเพณีหลวง และประเพณีราษฎร์ ศูนย์กลางของประเพณีหลวงคือ
พระมหากษัตริย์ ส่วนประเพณีราษฎร์นั้น มีศูนย์กลางอยู่ที่หมู่บ้านหรือวัด
แต่ความสัมพันธ์ของประเพณีทั้งสองระดับนั้น
มีความกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดมา คือ ได้มีการหยิบยืม
และเลียนแบบซึ่งกันและกัน กล่าวคือ
ประเพณีหลวงได้แบบอย่างของประเพณีราษฎร์มาขัดเกลาให้ละเอียดประณีตวิจิตร
และมีความขลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เพราะประเพณีหลวงรับแบบแผนมาจาก อินเดีย จีน เปอร์เซีย รวมทั้งมอญ เขมร
และชวา เข้ามาผสมผสานด้วย ทำให้มีความสมบรูณ์มากขึ้น แล้วค่อยขยายอิทธิพลไปสู่ประเพณีราษฎร์อีกครั้งหนึ่ง
โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของความสัมพันธ์นี้ |
 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์กลางของประเพณีหลวง
|
ดังนั้น
การศึกษาพัฒนาการของวัฒนธรรมไทย จึงควรศีกษา ทั้งประเพณีหลวง
และประเพณีราษฎร์ เพื่อจะได้มองเห็นภาพรวมของวัฒนธรรมไทยได้ชัดเจนขึ้น
เพราะวัฒนธรรมไทยมีลักษณะค่อนข้างจะอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลง
พร้อมอยู่เสมอที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่มีความแปลกและใหม่กว่า เมื่อใดที่ประเพณีหลวงมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อนั้นประเพณีราษฎร์ก็มักจะได้รับอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยเสมอ
ยิ่งในสมัยปัจจุบันการคมนาคมเจริญมากขึ้น
สื่อมวลชน และการนิยมวัฒนธรรมสมัยใหม่ แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว
ความเปลี่ยนต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย
สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม
ธรรมชาติจึงมีอิทธิพลมากต่อการทำมาหากินของราษฎรส่วนใหญ่
สามารถบันดาลทุกข์และสุขให้ได้
ความเชื่อนี้จึงก่อให้เกิดขนบธรรมเนียมประเพณี และพิธีกรรมต่างๆ
เพื่อให้บังเกิดความอุดมสมบูรณ์แก่สังคมตลอดทั้งปี
ดังตัวอย่างในภาคอีสานมีพิธีกรรมเรียกว่า ฮีตสิบสอง เป็นต้น
ช่วงของความสำคัญของพิธีกรรมนี้ อยู่ระหว่างหลังการเก็บเกี่ยวผลิตผล
และก่อนเริ่มฤดูการผลิตใหม่ กล่าวคือ ก่อนที่ชาวนาจะลงมือดำนา
เขาจะสร้างนาจำลองสักหนึ่งตารางเมตรขึ้นก่อน แล้วดำกล้าลงในนานั้นห้าหกกอ
นาจำลองนี้เรียกว่า "ตาแรก" หรือ "ตาแฮก" จากนั้นจะสร้างศาลเล็กๆ
ให้เป็นที่สิงสถิตของแม่โพสพ บนศาลมีเครื่องเซ่น
ประกอบด้วยหมากพลู ดอกไม้ และธูป ตรงมุมหนึ่งของที่ดินแปลงนี้ปักเฉลวไว้
เพื่อให้เป็นเครื่องป้องกันมิให้ผีและสัตว์ร้ายต่างๆ
มาทำร้ายแม่โพสพและพืชที่ปลูกไว้ถ้าปลูกข้าวในนาตาแรกนั้น ได้งดงาม
ชาวนาเชื่อว่า ข้าวในนาทั้งหมด ก็จะงามตามไปด้วย ส่วนทางภาคเหนือมีประเพณี
แฮกนา คือ พิธีปลูกปะรำทำราชวัตรฉัตรธงในพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
กว้างยาวประมาณ ๒ วา ภายในปลูกศาลเพียงตา วางเครื่องเซ่นสังเวยบวงสรวง ทั้งแม่พระธรณี เจ้าที่ท้าวทั้งสี่ และแม่โพสพ
เสี่ยงทายว่า ข้าวกล้านาจะดีหรือไม่อย่างไร |
 ข้าว-ชาวนา พื้นฐานของประเพณีราษฎร์ |
แต่สังคมไทยนั้น พระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมของราษฎร
นับแต่โบราณราชประเพณีต่างๆ ล้วนมีความมุ่งหมาย
เพื่อความสุขสมบูรณ์ของอาณาประชาราษฎร์ ดังเช่น
พระราชพิธีสิบสองเดือนที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยานั้น
เป็นพระราชพิธีที่กระทำในแต่ละเดือน เพื่ออำนวยความสมบูรณ์ให้แก่แผ่นดิน
ให้พืชพันธุ์ธัญญาหารเจริญงอกงาม เช่น
พระราชพิธีในเดือนหก เป็นพระราชพิธีจรดพระนังคัล หรือพระราชพิธีแรกนา
เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ราษฎร
ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหาร
แม้ปัจจุบันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ก็ยังมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีนี้อยู่
เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่อาณาประชาราษฎร์เกษตรกรทั้งหลาย
นอกจากพิธีกรรมที่เกี่ยวกับการทำมาหากิน
ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีหลวง
และประเพณีราษฎร์แล้ว
ยังมีพิธีกรรมทางด้านศาสนาที่ประเพณีทั้งสองระดับต่างก็มีผลกระทบซึ่งกันและกัน
ดังเช่น ประเพณีการเทศน์มหาชาติ ทั้งประเพณีหลวง และประเพณีราษฎร์
ต่างก็มีรูปแบบการเทศน์
และพิธีกรรมที่สอดคล้องกับธรรมเนียมของท้องถิ่นนั้นๆ
ประเพณีการฟังเทศน์มหาชาตินั้น
ปรากฏเป็นพระราชพิธีหลวงมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
ในสมัยอยุธยาพระมหากษัตริย์โปรดให้สร้างพระที่นั่งทรงธรรม
เพื่อเป็นที่ทรงธรรมในงานพระราชพิธีเทศน์มหาชาติ
ในสมัยรัตนโกสินทร์พระราชพิธีนี้
พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงปฏิบัติสืบทอดต่อมา
โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งที่ทรงดำรงอยู่ในสมณเพศ
ก็ทรงหัดเทศน์กัณฑ์มัทรี
จนกลายเป็นธรรมเนียมให้พระราชโอรสถวายเทศน์มหาชาติในวังหลวง |
 พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ |
ในภาคอีสานมีงานบุญพระเวส
และมีประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลนี้ด้วย เช่น
พิธีแห่งพระเวสเข้าเมือง เป็นต้น ส่วนทางภาคเหนือมีประเพณีสร้างหลาบเงิน
หรือแผ่นเงินจำหลักเป็นรูปลวดลายต่างๆ แขวนห้อยรอบฉัตร
ถวายเป็นเครื่องขันธ์ตั้งธรรมหลวงในงานบุญเทศน์มหาชาติ
ทางด้านวรรณกรรม และศิลปกรรม
ขนบประเพณีหลวงและราษฎร์ต่างก็มีความสัมพันธ์กันเช่นกัน
เรามีวรรณกรรมพื้นบ้านของชาวบ้าน และบทพระราชนิพนธ์ เช่น
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ซึ่งเป็นเรื่องชีวิตของชาวบ้าน
ในการขับเสภาก็ใช้กรับที่ชาวบ้านใช้ เป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ |
 พุทธศาสนิกชนเข้าร่วมฟังเทศน์ |
ในด้านศิลปกรรมนั้น
วัดและช่างฝีมือ มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆ
ก่อให้เกิดสกุลช่างต่างๆ ขึ้น
ผู้ที่มีฝีมือปรากฏเป็นที่ยอมรับนับถือ อาจมีโอกาสได้เป็นช่างหลวง
เป็นเกียรติและสิริมงคลแก่วงศ์ตระกูลของตน |
ความหลากหลายของประเพณีราษฎร์ในท้องถิ่นต่างๆ
ก่อให้เกิดเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้น แต่บูรณาการทางสังคม และวัฒนธรรม
จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเพณีหลวง และประเพณีราษฎร์มีความสัมพันธ์ต่อกัน
ไม่ว่าจะเป็นประเพณีทางด้านการทำมาหากิน ศาสนา วรรณกรรม หรือศิลปกรรม
บนพื้นฐานของความสัมพันธ์นี้
สังคมไทยจะมีพลังที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่หลากหลายได้ต่อไปอีกชั่วกาลนาน |