สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 24
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๒๔ / เรื่องที่ ๑ วรรณคดีมรดก / สมัยสุโขทัย (ประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ - ๑๘๙๕)
สมัยสุโขทัย (ประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ - ๑๘๙๕)
 ศิลาจารึก หลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง
 ศิลาจารึก หลักที่ ๑ ตอนที่ ๓ |
สมัยสุโขทัย (ประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ - ๑๘๙๕)
วรรณกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ประวัติวรรณคดี และประวัติภาษาไทยคือ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง และไตรภูมิพระร่วง
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง
รูปแบบการแต่งเป็นร้อยแก้ว
เขียนลงบนแท่งหินสี่เหลี่ยมทั้งสี่ด้าน ใช้ตัวอักษรไทย และภาษาไทย
ตามแบบอย่างการใช้ภาษา สมัยสุโขทัย เนื้อเรื่องแบ่งเป็น ๓ ตอน
ตอนที่ ๑ ตั้งแต่บรรทัดที่ ๑ - ๑๘ เป็นอัตชีวประวัติของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์สุโขทัยราชวงศ์พระร่วง
คำอ่านปัจจุบัน
"พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง..." และอีกตอนหนึ่ง "...ตนกูพุ่งช้างขุนสามชน ตัวชื่อมาสเมืองแพ้ ขุนสามชน พ่ายหนี พ่อกูจึงขึ้นชื่อกู ชื่อพระรามคำแหง เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน..."
ข้อความตัวอย่าง กล่าวถึงพระราชประวัต ิและความเก่งกล้าสามารถ จนได้รับพระราชทานพระนาม "พระรามคำแหง"
ตอนที่ ๒ เล่าเรื่อง เหตุการณ์ และธรรมเนียมนิยมของคนสุโขทัย
การดำเนินชีวิต การนับถือพุทธศาสนา การนับถือผี และการประดิษฐ์ตัวอักษรไทย
ตอนที่ ๓ เป็นคำสรรเสริญ และยอพระเกียรติ พ่อขุนรามคำแหง และกล่าวถึงอาณาเขตของเมืองสุโขทัย
จะเห็นได้ว่า ศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง มีคุณสมบัติเด่น ในแง่ประวัติศาสตร์ ประวัติวรรณคดี และประวัติภาษาไทย
ไตรภูมิพระร่วง
พระมหาธรรมราชาที่
๑ หรือพญาลิไท กษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๑๘๘๘
โดยได้ทรงรวบรวมเรื่องราวทางศาสนาจากคัมภีร์โบราณต่างๆ ถึง ๓๐ คัมภีร์
กล่าวถึงไตรภูมิซึ่งแปลว่า แดน ๓ แดน คือ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ
สัตว์โลกทั้งหลายย่อมวนเวียนเกิดและตายอยู่ใน ๓ ภูมินี้
การพรรณนาถึงแต่ละภูมิสร้างภาพอย่างชัดเจน อ่านแล้วได้รับความเพลิดเพลิน
อีกทั้งมีการสั่งสอนให้ประพฤติดีและกลัวบาป
ซึ่งเป็นพระราชประสงค์ในการแต่งคือ เพื่อเทศนาถวายพระราชมารดา
และเพื่อเป็นธรรมทานแก่บุคคลทั่วไป ตัวอย่างเช่น การพรรณนาถึงนรกตอนหนึ่ง
ดังนี้
"คนฝูงใดอันเจรจาซื้อสิ่งสินท่าน...แลตนใส่กลเอาสินท่านด้วยตาชั่งก็ดี...ครั้นว่ามันตายได้ไปเกิดในนรกนั้น
ฝูงยมพะบาลเอาคีมคาบลิ้นเขาชักออกมา แล้วเอาเบ็ดเหล็กเกี่ยวลิ้นเขา
ลำเบ็ดนั้นใหญ่เท่าลำตาล เทียรย่อมเหล็กแดงลุกบ่มิเหือดสักเมื่อ..."
ความตอนนี้กล่าวถึงคนขายของที่โกงตาชั่ง เมื่อตายแล้ว จะตกนรก
ยมบาลเอาคีมหนีบลิ้นดึงออกมา
แล้วเกี่ยวด้วยเบ็ดเหล็กที่ลุกเป็นไฟไม่มีวันดับ
จะเห็นสำนวนการเขียนที่เรียบง่าย เป็นที่เข้าใจได้ดี สำหรับคนในสมัยนั้น
เหมาะกับการเทศน์สั่งสอนบุคคลทั่วไป
นอกจากไตรภูมิพระร่วงจะมีคุณค่าทางศาสนาแล้ว
ยังมีอิทธิพลต่อคนไทยในอาณาจักรไทยอื่นๆ ในสมัยเดียวกันต่อลงมา
จนถึงสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน
วรรณคดีมรดกไทยเรื่องนี้
ปลูกฝังให้คนไทยนิยมยกย่องคนมีบุญที่มีจิตใจเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม |
|