สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 26
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๒๖ / เรื่องที่ ๖ การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักและผลไม้ / ชีววิทยาของผักและผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว
ชีววิทยาของผักและผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว



|
ชีววิทยาของผักและผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว
เนื่องจากผลิตผลที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรือถั่วที่กำลังงอก ล้วนยังมีชีวิต
จึงยังคงมีกระบวนการทางชีววิทยาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ได้แก่
๑. การหายใจ
เป็นกระบวนการเผาผลาญอาหารสะสมในรูปต่างๆ
เช่น น้ำตาลหรือแป้งไปเป็นพลังงาน ทำให้อาหารสะสมลดลง
ส่งผลให้คุณภาพในการบริโภคลดต่ำลง
นอกจากนั้นพลังงานความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาในระหว่างการหายใจ
ก็มีผลทำให้ผลิตผลมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วย
โดยทั่วไปผลิตผลที่เป็นส่วนของพืชที่กำลังเจริญเติบโต เช่น
ยอดอ่อนของผักจะมีอัตราการหายใจสูง
และผลิตผลที่อยู่ระหว่างการพักตัวมักมีอัตราการหายใจต่ำ เช่น
หัวของมันชนิดต่างๆ ผลไม้ส่วนใหญ่มีอัตราการหายใจระดับปานกลาง
แต่ผลไม้บางชนิดเมื่อสุก จะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก
และมีอัตราการหายใจเพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น กล้วย มะม่วง ผลไม้ประเภทนี้
มีการสูญเสียมาก
และเก็บรักษาได้สั้นกว่าผลไม้ที่มีอัตราการหายใจต่ำและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
เช่น ส้ม ดังนั้น ภายหลังการเก็บเกี่ยว
จึงควรจัดให้ผักและผลไม้มีอัตราการหายใจต่ำที่สุด เท่าที่จะทำได้
๒. การคายน้ำ
ผักและผลไม้ต้องคายน้ำอยู่ตลอดเวลา
เพื่อระบายความร้อนที่เกิดจากการหายใจ ประกอบกับปริมาณความชื้นภายในผลิตผล
ที่มีสูงกว่าความชื้นของอากาศภายนอก น้ำภายในผักและผลไม้
จึงพยายามเคลื่อนตัวออกสู่ภายนอกตลอดเวลา
แม้ว่าผักและผลไม้จะมีโครงสร้างต่างๆ เช่น ชั้นของไข (wax) และคอร์ก
(cork) ที่ปกคลุมผิวอยู่ เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำ
แต่ผักและผลไม้นั้นมักมีช่องเปิดที่ยอมให้น้ำและอากาศผ่านออกได้ เช่น
ปากใบ (stoma) และช่องอากาศ (lenticel) รวมทั้งบาดแผลต่างๆ
จึงทำให้มีการสูญเสียน้ำอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้น้ำหนักที่จะจำหน่าย
และคุณภาพในการรับประทานลดลง โดยเฉพาะในแง่ของเนื้อสัมผัส (texture) คือ
ทำให้ผักและผลไม้ไม่กรอบ และผิวเหี่ยวย่น ถ้าเป็นผลิตผลที่มีพื้นที่ผิวมาก
เช่น ผักรับประทานใบ จะเห็นอาการเหี่ยวได้ในเวลาอันสั้น
จึงต้องป้องกันการสูญเสียน้ำให้มากที่สุด
๓. การผลิตเอทิลีน
เอทิลีนเป็นฮอร์โมนพืชชนิดเดียว
ที่มีสถานะเป็นก๊าซ ซึ่งเนื้อเยื่อพืชทุกชนิดสามารถสร้างขึ้นได้
และมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของผักและผลไม้ค่อนข้างมาก
โดยปกติมีการสร้างในปริมาณน้อย แต่เมื่อผักและผลไม้สุก
หรือมีการกระทบกระเทือน เช่น เกิดบาดแผล จะมีการสร้างสารเอทิลีน
ขึ้นอย่างมาก และไปกระตุ้นกระบวนการต่างๆ ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น
การสุก การเปลี่ยนสีเขียวเป็นสีเหลือง การหลุดร่วงของดอกและใบ
และเร่งให้มีการหายใจมากขึ้น นอกจากนี้
เอทิลีนยังอาจเกิดขึ้นได้จากการเผาไหม้ ที่ไม่สมบูรณ์ เช่น การเผาขยะ
การจุดธูป การทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆ ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
และพบสะสมอยู่ใต้พื้นดิน หรือมหาสมุทร ซึ่งก๊าซเอทิลีนนี้ทำให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงกับผักและผลไม้ได้เช่นกัน ภายหลังการเก็บเกี่ยว
จึงต้องป้องกันไม่ให้ผักและผลไม้ผลิตสารเอทิลีนออกมามาก
และไม่ให้สัมผัสกับก๊าซเอทิลีนจากภาย นอก
ยกเว้นในกรณีที่ต้องการบ่มผลไม้ให้สุก
|
|