สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 29
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๒๙ / เรื่องที่ ๒ พระพุทธรูป / พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย

พระแก้วมรกต
ทรงเครื่องทรง ฤดูร้อน

พระแก้วมรกต
ทรงเครื่องทรง ฤดูฝน

พระแก้วมรกต
ทรงเครื่องทรง ฤดูหนาว |
พระ
พุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย
พระพุทธรูปสำคัญที่จัดเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง
ที่ควรกล่าวถึงมี ๒
องค์ คือ
พระพุทธ
มหามณีรัตนปฏิมากร
(พระแก้วมรกต)
ปัจจุบันประดิษฐานใน
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใน พระบรมมหาราชวัง
ประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกตปรากฏในตำนานของชาวล้านนา
กล่าวว่าพระแก้วมรกตสร้างขึ้นในอินเดีย
และได้อัญเชิญมายังเมืองนครศรีธรรมราช ละโว้ อยุธยา ชัยนาท สุโขทัย
กำแพงเพชร จนกระทั่งมาถึงล้านนาตามลำดับ หลักฐานที่พบ
และสามารถสืบค้นได้คือ ประวัติพระแก้วมรกตจากพงศาวดาร ซึ่งกล่าวว่า
ได้ค้นพบ พระแก้วมรกต ใน พ.ศ ๑๙๗๙ ตรงกับสมัยของพระเจ้าสามฝั่งแกน
ผู้ปกครองล้านนา โดยพบในเจดีย์แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย
ซึ่งถูกฟ้าผ่าพังทลายลงมา
หลังจากที่ได้พบพระแก้วมรกตแล้ว
ได้มีการอัญเชิญเพื่อจะนำมาประดิษฐานยังเมืองเชียงใหม่
แต่ก็เกิดปาฏิหาริย์ จึงได้นำพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่วัดพระแก้ว
ดอนเต้า
เมืองลำปาง จนมาถึงรัชกาลพระเจ้า ติโลกราช
ครั้นเมื่อสร้างวัดเจดีย์หลวงเสร็จแล้ว
จึงโปรดให้อัญเชิญพระแก้วมรกตจาก
เมืองลำปาง มาประดิษฐานในจระนำซุ้มด้านทิศตะวันออกของเจดีย์หลวง
เมืองเชียงใหม่ ต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระอุปราช
แห่งอาณาจักรล้านช้าง
มาปกครองล้านนา เป็นเวลา ๒ ปี เมื่อพระราชบิดาสิ้นพระชนม์
พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงเสด็จกลับไปครอง อาณาจักรล้านช้าง
พร้อมกับอัญเชิญพระแก้วมรกตไปยังเมืองหลวงพระบาง
และในภายหลังได้ย้ายมาประดิษฐานยังวัดพระแก้ว ในเมืองเวียงจันทน์
เป็นเวลานานกว่า ๒๐๐ ปี จนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่ง
กรุงธนบุรี
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเมือง
เวียงจันทน์
มายังกรุงธนบุรี ต่อมาเมื่อย้ายราชธานีมายังกรุงเทพมหานคร
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ
ให้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ซึ่งเป็นวัดสำคัญ ในเขตพระบรมมหาราชวัง
พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ
ประทับนั่งขัดสมาธิราบเหนือฐานหน้ากระดาน เกลี้ยง ตามความจริงแล้ว
เนื้อวัสดุนั้นไม่ใช่มรกต แต่เป็นหินสีเขียว (หยก)
ได้มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการกำหนดอายุพระแก้วมรกตอยู่ ๒ ข้อ คือ
ข้อแรก
เชื่อว่า สร้างขึ้นในอินเดีย
และได้อัญเชิญมายังเมืองต่างๆ ตามที่ปรากฏในตำนาน
กับอีกข้อหนึ่งเชื่อว่า
สร้างขึ้นในล้านนา ซึ่งความเป็นไปได้น่าจะสร้างขึ้นในล้านนามากกว่า
เพราะการพบครั้งแรก
รวมทั้งประวัติความเป็นมา ล้วนแต่เกิดขึ้นในล้านนาทั้งสิ้น
แต่ก็ยังมีข้อสงสัยในขณะนั้นว่า
รูปแบบของพระแก้วมรกตไม่เหมือนกับพระพุทธรูปกลุ่มใดๆ ในล้านนา
อย่างไรก็ตาม
ได้พบหลักฐานสนับสนุนว่า พระแก้วมรกตน่าจะสร้างขึ้นในล้านนา
และเป็นฝีมือช่างในแหล่งที่พบคือ แถบเมืองเชียงราย พะเยา กล่าวคือ
ได้พบพระพุทธรูปหินทรายในสกุลช่างพะเยากลุ่มหนึ่ง
มีลักษณะเช่นเดียวกับพระแก้วมรกต ทั้งรูปแบบและวิธีการสร้าง
รายละเอียดเกี่ยวกับอายุสมัยและรูปแบบของพระแก้วมรกตนั้น
เนื่องจากพระแก้วมรกตมีรูปแบบใกล้เคียงกับพระพุทธรูปแบบล้านนาระยะแรก
แต่ก็มีอิทธิพลของศิลปะสุโขทัยผสมแล้ว จึงเชื่อว่า
พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนาระยะแรก
ที่รับอิทธิพลของศิลปะสุโขทัยในสมัยพระเจ้ากือนา
ที่ได้อาราธนาพระสุมนเถระจากสุโขทัย
ขึ้นไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในล้านนา ใน
พ.ศ. ๑๙๑๓ ดังนั้น ปีที่สร้าง พระแก้วมรกตจึงน่าจะอยู่ในระหว่าง พ.ศ.
๑๙๑๓
- ๑๙๗๙
ประกอบกับในตำนานที่กล่าวถึงพระแก้วมรกต ระบุว่า
ได้มาปรากฏในล้านนาใน สมัยของท้าวมหาพรหม ซึ่งเป็นพระอนุชาของ
พระเจ้ากือนา
โดยพระองค์ได้เป็นผู้อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเมืองกำแพงเพชร
มาประดิษฐานยังเมืองเชียงราย
จึงนับเป็นหลักฐานที่สัมพันธ์กับการแผ่อิทธิพลของสุโขทัยในล้านนา
ในช่วงระยะเวลานี้
พระแก้วมรกตซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญ
น่าจะเป็นแรงบันดาลใจ ในการสร้างพระพุทธรูปล้านนาระยะต่อๆ มา
โดยเฉพาะในกลุ่มพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยาดังกล่าว ดังนั้น
ระยะเวลาในการสร้างงานน่าจะมีความใกล้เคียงกันด้วยคือ อยู่ในราวๆ ต้น
-
กลางพุทธศตวรรษที่ ๒๐ |
พระ
พุทธสิหิงค์
มีอยู่รวม ๓ องค์ ที่มีชื่ออย่างเดียวกัน
องค์แรกประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครส่วนองค์ที่ ๒ ประดิษฐานในวิหารลายคำ
วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่
และองค์ที่ ๓ ประดิษฐานใน หอพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช |

พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ |
พระพุทธสิหิงค์มีปรากฏอยู่ในตำนานของชาวล้านนา กล่าวว่า
สร้างขึ้นในลังกา
และได้อัญเชิญมายังนครศรีธรรมราช ละโว้ สุโขทัย อยุธยา ชัยนาท
กำแพงเพชร
ก่อนที่จะนำมายังล้านนา โดยท้าวมหาพรหม เจ้าเมืองเชียงราย
เป็นผู้ไปอัญเชิญมาจากเมืองกำแพงเพชร เมื่อราวๆ ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐
จากรูปแบบของพระพุทธสิหิงค์ทั้ง ๓ องค์ที่พบ
มีลักษณะเฉพาะของแต่ละสกุลช่าง แตกต่างกัน
และเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นในแต่ละ ท้องถิ่น ดังนั้น ที่กล่าวว่า
ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากลังกานั้น จึงเป็นเพียงตำนาน
เมื่อแต่ละท้องถิ่นรับมา
จึงได้มาสร้างพระพุทธรูปตามรูปแบบของตนเองขึ้น
- พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานใน
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร
เป็น
พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย
หรือศิลปะล้านนาที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะสุโขทัย
อายุราวๆ พุทธศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๑ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ
พระพักตร์รูปไข่ พระรัศมีเป็นเปลว ชายสังฆาฏิยาวมาจรดพระนาภี
- พระพุทธสิหิงค์
ประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่
เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนาแบบที่เรียกว่า “เชียง
แสน
สิงห์หนึ่ง” อายุราวๆ ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร
พระเศียรเดิมถูกตัดไปแล้ว ปัจจุบันเป็นเศียรที่หล่อขึ้นใหม่
พระวรกายอวบอ้วน ชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน
- พระพุทธสิหิงค์
ประดิษฐานในหอพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่ง ขัดสมาธิเพชร
ชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน พระวรกายอวบอ้วนอย่างมาก นิยมเรียกว่า แบบ
“ขนม
ต้ม”
จัดเป็นสกุลช่างนครศรีธรรมราช มีอายุราวๆ พุทธศตวรรษที่ ๒๒ |
|