สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 3
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๓ / เรื่องที่ ๗ การทำไม้ / การชักลากไม้ด้วยรถแทรกเตอร์
การชักลากไม้ด้วยรถแทรกเตอร์
การชักลากไม้ด้วยรถแทรกเตอร์
ปัจจุบันนี้ได้มีผู้นำรถแทรกเตอร์หลายชนิดเข้ามาใช้ในการชักลากไม้ในประเทศไทย ซึ่งพอจะแบ่งแยกออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ
ก. รถแทรกเตอร์ตีนตะขาบ (crawler)
เป็นรถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีล้อเหล็กเป็นตีนตะขาบ
โดยมากเจ้าของมักจะซื้อมาเพื่อใช้ในการทำถนน
เมื่อว่างจากการทำถนน ก็นำมาใช้ในการชักลากไม้
รถแทรกเตอร์ชนิดนี้มีกำลังสูง จึงเหมาะที่จะใช้ชักลากไม้ซุงขนาดใหญ่
วิธีชักลากไม้ของรถแทรกเตอร์ชนิดนี้ต้องอาศัยกว้าน
ซึ่งมีลวดเกลียวติดอยู่ท้ายรถ กว้านเอาซุงเข้ามาหาตัวรถ
เมื่อซุงมาชิดท้ายรถแล้ว ก็ลากไม้ไปยังที่ที่ต้องการ
ในด้านการป่าไม้ถือว่ารถแทรกเตอร์ชนิดนี้ ไม่เหมาะสมที่จะใช้ชักลากไม้
เพราะมีการสึกหรอสูง ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมแพง และมีอัตราความเร็วต่ำ
นอกจากนั้น การเคลื่อนตัวของมันจะทำให้ดินแน่น เพราะมีน้ำหนักมาก
เมื่อดินแน่นจะทำให้เมล็ดของไม้ที่ร่วงลงสู่พื้นดินงอกได้ยาก นอกจากนั้น
ยังทำลายกล้าไม้เล็กๆ ในป่ามากกว่าเครื่องจักรกลชนิดอื่นด้วย
บางประเทศในทวีปยุโรป ห้ามนำรถแทรกเตอร์ชนิดนี้เข้าไปใช้งานในป่า |
การทำไม้ด้วยรถแทรกเตอร์ ชนิดมีล้อประกอบ |
ข. รถแทรกเตอร์ล้อยาง
เป็นรถแทรกเตอร์ล้อยางขนาดเล็ก ซึ่งใช้ในการกสิกรรม ที่เราเรียกว่า "รถไถนา"
นั่นเอง แต่มีผู้นำมาดัดแปลงใช้ในการลากไม้
ความคิดที่ดัดแปลงรถไถนามาใช้ในการทำไม้นั้น เกิดขึ้นในทวีปยุโรป
ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่มีทั้งที่นาและมีป่าไม้เป็นของตนเอง เมื่อหมดฤดูทำนา
จึงคิดค้นหาทางดัดแปลงรถไถนามาใช้ในการทำไม้สัก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖
นับว่าได้ผลดี และค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการใช้รถแทรกเตอร์ประเภทอื่น
การนำรถแทรกเตอร์ไถนามาใช้ลากไม้สักนั้น
จะต้องเพิ่มคานโค้งติดเข้าที่แขนไฮดรอลิก ทางด้านหลังของรถแทรกเตอร์
และเพิ่มคีมหนาม สำหรับจับหัวไม้ติดอยู่ที่คานโค้งด้านหลังด้วย
เมื่อจะลากไม้ซุงก็ลดแขนไฮดรอลิก
ให้คานโค้งต่ำลงมา จนคีมหนามสามารถจับหัวไม้ได้
แล้วยกแขนไฮดรอลิกให้สูงขึ้น คานโค้ง และคีมหนามก็จะจับหัวไม้ยกสูงขึ้น
ต่อจากนั้น ก็ลากไม้ไปยังที่ที่ต้องการ
การยกหัวไม้ขึ้นนี้ ทำให้เบาแรงในการชักลากไม้ลงได้ประมาณครึ่งหนึ่ง
เพราะท้องไม้ซุงไม่ถูกพื้นดินเต็มที่ เหมือนกับที่ช้างลากไม้ ดังนั้น
ความฝืดระหว่างท่อนไม้กับพื้นดินจึงน้อยลงไปด้วย
โดยปกติรถแทรกเตอร์ชนิดนี้ จะลากไม้ได้มีน้ำหนักไม่เกิน ๒ ตัน
หากไม้ซุงท่อนใดมีน้ำหนักมาก ควรใส่ล้อพ่วงประกอบ
จะทำให้รถแทรกเตอร์สามารถลากไม้ ซึ่งมีน้ำหนักไม่เกิน ๔ ตันได้
รถแทรกเตอร์ไถนานี้ สามารถนำไปใช้ในการลากไม้ซุงขนาดเล็กได้ดี นอกจากนั้น
รถแทรกเตอร์ชนิดนี้ ยังมีราคาถูกกว่ารถแทรกเตอร์ชนิดอื่นๆ
เครื่องอะไหล่หาง่าย และสามารถดัดแปลงไปใช้งานได้หลายอย่าง เช่น ใช้ยกไม้
ใช้ลากล้อพ่วงไถนา
ได้เคยมีการทดลองเปรียบเทียบผลงาน ระหว่างการใช้รถแทรกเตอร์ชนิดนี้ กับการใช้ช้าง ในการชักลากไม้สัก
ปรากฏว่ารถแทรกเตอร์ชนิดนี้ ๑ คัน มีผลงานเท่ากับการใช้ช้าง ๕ เชือก
และการใช้รถแทรกเตอร์ชนิดนี้ ใช้ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการใช้ช้างประมาณร้อยละ
๑๗ แต่รถแทรกเตอร์ชนิดนี้มีข้อเสียที่ว่า
ไม่สามารถทำงานลากไม้บนลาด เขาซึ่งมีความชันเกิน ๒๕ องศาได้ อย่างไรก็ดี
การที่จะตัดสินใจใช้รถแทรกเตอร์ลากไม้
จะต้องคำนึงถึงปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพของท้องที่ปัญหาคนว่างงาน
และความเร่งด่วนของงานด้วย
|
ค. รถแทรกเตอร์ลากไม้ชนิดล้อยาง (wheeled skidder)
เป็นรถแทรกเตอร์ที่ประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อใช้ในการลากไม้โดยเฉพาะ
จะนำไปใช้งานอื่นไม่ได้ รถแทรกเตอร์ชนิดนี้
มีแรงม้าสูงกว่ารถแทรกเตอร์ไถนา มีลักษณะสำคัญ คือ มีล้อยางใหญ่ ๔ ล้อ
ข้างหน้าติดผาน สำหรับใช้กรุยทางหรือใช้ดันไม้ ด้านหลังมีกว้าน
ซึ่งประกอบด้วย เสากว้านสูงประมาณ ๑ เมตร ตรงกลางตัวรถระหว่างล้อหน้า
และล้อหลังมีข้อต่อพับไปมาได้ ดังนั้น รถแทรกเตอร์ชนิดนี้
จึงสามารถเลี้ยววงแคบได้ดี เนื่องจากรถแทรกเตอร์ชนิดนี้ มีแรงม้าสูง
ดังนั้น
จึงเหมาะสำหรับใช้ลากไม้ขนาดใหญ่ โดยใช้สายลวดเกลียวจากกว้านท้ายรถไปผูกกับหัวไม้ซุง
แล้วใช้กว้านดึงไม้ซุง ให้เข้ามาหาท้ายรถ เมื่อหัวไม้ซุงมาถึงท้ายรถ
จะยกสูงขึ้น เพราะลวดกว้านต้องผ่านเสากว้าน ที่ติดกับตัวรถด้านหลัง
การยกหัวไม้ซุงสูงขึ้นนี้ ทำให้ลดความฝืดในการชักลากลง
จึงทำให้สามารถลากไม้ที่มีน้ำหนัก ๖-๗ ตันได้
เนื่องจากรถแทรกเตอร์ชนิดนี้มีราคาสูง และใช้ในการทำไม้โดยเฉพาะ
จึงเหมาะสำหรับการทำไม้ขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณมากพอ คุ้มกับการลงทุน
ส่วนดีของรถแทรกเตอร์ชนิดนี้ คือ มีอัตราความเร็วสูง มีความคล่องแคล่ว
และสามารถลากไม้ในสภาพพื้นที่ ซึ่งมีความลาดชันไม่เกิน ๓๕ องศาได้
แต่ผู้ใช้จะต้องมีความรู้ความชำนาญ และต้องได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ |
|