สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู ๓๐
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๓๐ / เรื่องที่ ๑ ศิลปะการเห่เรือ / ลีลาการเห่เรือ
ลีลาการเห่เรือ
 พลเรือตรี มงคล แสงสว่าง พนักงานต้นเสียงเห่เรือพระราชพิธีของกองทัพเรือในปัจจุบัน

|
ลีลาการเห่เรือ
ลีลาการเห่เรือในปัจจุบัน สามารถแยกได้เป็น ๒ ลีลา หรือ ๒ ทาง คือ
๑. ลีลาของกองทัพเรือ
การเห่เรือพระราชพิธีแบบของกองทัพเรือนั้น
มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ดังนั้น ต้นเสียงเห่เรือพระราชพิธีข
องกองทัพเรือทุกคน จึงได้รับการฝึกหัดให้มีกระแสเสียงที่ไพเราะก้องกังวาน
รวมทั้งต้องมีพลังในการเปล่งเสียงตลอดระยะเวลาอันยาวนานของพระราชพิธี
โดยที่กำลังเสียงไม่ตกด้วย
อีกทั้งกระแสเสียงและลีลาการเห่เรือจะต้องขรึมขลัง
และมีความสง่างามให้สอดคล้องกับกระบวนเรือพระราชพิธีด้วย
นอกจากนั้นพนักงานเห่เรือพระราชพิธีของกองทัพเรือ
ก็เคยได้รับการฝึกหัดร้องเพลงไทยสองชั้นจากครูของกรมศิลปากร
แล้วนำไปปรับให้เข้ากับจังหวะการพายเรือ
ซึ่งเป็นวิธีการเห่เรืออีกแบบหนึ่งที่ใช้ในการสาธิต เรียกว่า
เห่เรือออกเพลง
๒. ลีลาของกรมศิลปากร
เป็นลีลาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากลีลาของกองทัพเรือ
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ โดยนายธนิต อยู่โพธิ์ อธิบดีกรมศิลปากรในสมัยนั้น
เป็นผู้คิดฟื้นฟูการเห่เรือแก่ศิลปินของกรมศิลปากร
และเชิญต้นเสียงของกองทัพเรือในขณะนั้น คือ พันจ่าเอก เขียว ศุขภูมิ
มาฝึกหัดให้แก่ศิลปินของกรมศิลปากร ๒ คน คือ ครูประเวช กุมุท
และครูเสรี หวังในธรรม ประกอบกับกรมศิลปากรมีความถนัดในทางละคร
จึงได้ปรับปรุงแต่งทำนองการเห่ให้เข้ากับท่ารำ
ทำให้มีท่วงทำนองและลีลาที่อ่อนหวาน เหมาะสมกลมกลืนกับการร่ายรำ
จนแตกต่างจากลีลาของกองทัพเรือที่ใช้ในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคอย่างเห็นได้ชัด
อาจกล่าวได้ว่า
ลีลาการเห่เรือทั้งของกองทัพเรือและกรมศิลปากรนั้น เดิมเป็นลีลาเดียวกัน
แต่ได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการนำไปใช้ของแต่ละหน่วยงาน
ดังนั้นลีลาการเห่เรือทั้ง ๒ แห่ง จึงเป็นศิลปะของชาติ
ที่ควรสงวนรักษาและสืบทอดให้ยืนยาวต่อไป
พนักงานเห่เรือพระราชพิธี
ปัจจุบันพนักงานต้นเสียงเห่เรือพระราชพิธีที่มีคุณสมบัติพร้อม
ทั้งด้านน้ำเสียงที่กังวานไพเราะมีพลัง
สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างชัดเจนถูกต้อง
และต้องมีไหวพริบปฏิภาณยอดเยี่ยม
รวมทั้งต้องมีความรอบรู้ทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณีในการเห่เรืออย่างละเอียดลึกซึ้ง
จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (คีตศิลป์)
ประจำพุทธศักราช ๒๕๔๓ คือ พลเรือตรี มงคล แสงสว่าง
ข้าราชการทหารเรือ สังกัดกองทัพเรือ
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการจัดการเกี่ยวกับ
การจัดกระบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค และการเห่เรือ
พนักงานเห่เรือพระราชพิธีของกองทัพเรือมีความเป็นมาที่ยาวนาน
พนักงานเห่เรือที่มีชื่อเสียงอยู่ในวงการเห่เรือ
และเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาการเห่เรือให้พนักงานเห่เรือรุ่นต่อๆ มา ได้แก่
นาวาเอก หลวงประจญปัจนึก พันจ่าโท หลวงกล่อมโกศลศัพท์
รองอำมาตย์ตรี โป๊ะ เหมรำไพ เรือเอก ผัด
ชุดชลามาศ และพันจ่าเอก เขียว ศุขภูมิ
เป็นครูผู้ฝึกการเห่เรือพระราชพิธีให้แก่พลเรือตรี มงคล แสงสว่าง
พนักงานนำเห่เรือพระราชพิธีในปัจจุบัน
พลเรือตรี มงคล
แสงสว่าง เล่าว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานนำเห่ หรือต้นเสียง
นอกจากต้องมีน้ำเสียงดีเป็นอันดับแรกแล้ว ยังต้องมีใจรัก
จึงจะมีความมุ่งมั่นมุมานะในการฝึกหัดให้กำลังเสียงคงที่
เพราะระยะเวลาในการเห่เรือพระราชพิธีแต่ละครั้งต้องใช้เวลายาวนาน ๒ - ๓
ชั่วโมง และยังต้องมีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าขณะเห่เรือ
รวมทั้งต้องมีความสามารถในการพิจารณาคำนวณระยะทาง กระแสน้ำ และกระแสลม
ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของกระบวนเรือให้สอดคล้องกับบทเห่
โดยอาจจะต้องยืดบทหรือตัดบทออกก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสม
นอกจากนั้นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ
ต้องมีความรู้ความสามารถในการพายเรือพระราชพิธีด้วย
กล่าวได้ว่า
กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค นอกจากจะต้องอาศัยทำนองเห่เรือเป็นสำคัญแล้ว
ยังต้องอาศัยการพายเรือแบบโบราณ และผู้ให้สัญญาณประกอบการพายเรือด้วย
จึงจะได้ภาพรวมกระบวนเรือที่สง่างามติดตาตรึงใจผู้ชมทั่วไป
ดังนั้น
ประเพณีการเห่เรือ และพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค
จึงนับเป็นมรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติไทย
และหากจะกล่าวเลยไปถึงการเป็นสมบัติวัฒนธรรมของโลกด้วย
ก็คงไม่เกินความจริง
เพราะองค์ประกอบของการเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคนั้นหลากหลายด้วยศิลปะต่างแขนง
ได้แก่ ศิลปะนาวาสถาปัตยกรรมในการออกแบบรูปทรงลำเรืออันสง่างาม ภูมิฐาน
และได้ประโยชน์ใช้สอยอย่างสมบูรณ์
จนกระทั่งเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ได้รับเหรียญรางวัลมรดกทางทะเล
จากองค์การเรือโลกแห่งสหราชอาณาจักร ประจำ ค.ศ. ๑๙๙๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕)
ศิลปะจิตรกรรมในการออกแบบลวดลายและสีสันอันวิจิตรงดงาม
มีท่วงท่าประณีตอ่อนช้อย ศิลปะประติมากรรมในการแกะสลักให้เกิดความตื้นลึก
มีแสงเงา ศิลปะในท่วงท่าการพายเรืออย่างพร้อมเพรียง สง่างาม
และศิลปะในการประพันธ์ การร้องบทเห่ที่มีถ้อยคำ
และท่วงทำนองอันไพเราะก้องกังวาน
พระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารคจึงสะท้อนภาพวัฒนธรรมอันงดงามสมบูรณ์แบบต่อเนื่องมาจากอดีต
ควรที่ปวงชนชาวไทยทุกคนจะมีความภาคภูมิใจ และหวงแหนมรดกวัฒนธรรมนี้
ด้วยการอนุรักษ์และสืบทอดให้เจริญต่อไปชั่วกาลนาน
|
|