สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 4
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๔ / เรื่องที่ ๕ ปรากฏการณ์ของอากาศ / การทำฝนเทียม
การทำฝนเทียม
การทำฝนเทียม
ความพยายามในการทำฝนเทียมนั้น ได้เริ่มกันมานานแล้ว ทั้งชาวอินเดียนแดง
และชาวไทยมีวิธีขอฝนต่างๆ นานา เช่น แห่นางแมว เป็นต้น วิธีเหล่านี้ยังไม่เคยพิสูจน์ว่า
ได้ผลในทางวิทยาศาสตร์เลย
การทำฝนเทียมในปัจจุบันได้อาศัยเทคนิคจากการศึกษาค้นคว้าในเรื่องที่ว่า
กรรมวิธีของฝนธรรมชาติเกิดขึ้นได้อย่างไร
ฉะนั้น ในการทำฝนเทียม นักวิทยาศาสตร์จึงได้พยายามเลียนแบบธรรมชาติโดยทำจากเมฆซึ่งมีลักษณะเหมาะสมพอจะเกิดฝนได้
การทำฝนเทียมในปัจจุบันมีอยู่ ๒ วิธี
ก. การทำฝนเทียมในเขตอบอุ่นซึ่งมีเมฆที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า ๐°ซ.
การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้
เขาใช้โปรยหรือหว่าน ด้วยเม็ดน้ำแข็งแห้งเล็กๆ (dry ice) หรือซิลเวอร์
ไอโอไดด์ (silver iodide) ตามธรรมดาเม็ดน้ำแข็งแห้งเม็ดเล็กๆ
ซึ่งมีอุณหภูมิ -๗๘°ซ. จะสามารถทำให้เมฆกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และตกลงมา
ส่วนผงซิลเวอร์ไอโอไดด์นั้นทำหน้าที่เป็นนิวเคลียสของการเกิดผลึกน้ำแข็ง
ผลึกน้ำแข็งที่เกิดขึ้นนี้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และตกลงมาเป็นหิมะหรือฝน
การหว่านเม็ดน้ำแข็งแห้ง หรือผงซิลเวอร์ไอโอไดด์นั้น
อาศัยหลักของการเกิดฝนตามกรรมวิธีของเบอร์เจอรอน-ฟินดีเซน
และใช้สำหรับทำฝนเทียมในเมฆซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า ๐°ซ.
แต่ทว่าปฏิกิริยาของน้ำแข็งแห้ง หรือผงซิลเวอร์ไอโอไดด์ทำหน้าที่ต่างกัน |  เครื่องบินกำลังโปรยสารเคมีปฏิบัติการฝนหลวง |
ข. การทำฝนเทียมในเขตร้อนซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า ๐°ซ.
การทำฝนเทียมจากเมฆซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า
๐°ซ. หรือเรียกว่าเมฆอุ่นนี้มีหลายแห่งที่เขาใช้โปรยด้วยเม็ดน้ำธรรมดา
หรือน้ำเกลือ เพื่อที่จะให้เม็ดของน้ำ
หรือน้ำเกลือทำหน้าที่เป็นเม็ดเมฆขนาดใหญ่กว่าเม็ดเมฆที่เป็นอยู่
และเมื่อเม็ดของเมฆมีขนาดต่างๆ กัน ก็จะทำให้เกิดการรวมตัวกันโดยการชนกัน
ตามกรรมวิธีรวมตัวกัน และชนกัน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
เรื่องการทำฝนเทียมนี้ยังจะต้องทำการค้นคว้ากันอีกมากในขณะนี้มีนักวิทยาศาสตร์
เข้าใจว่า อาจจะเพิ่มฝนได้มากกว่าฝนธรรมชาติประมาณร้อยละ ๑๐ ถึง ๒๐ แต่เรื่องนี้ก็ยัง
ไม่มีการพิสูจน์ได้แน่นอนเด็ดขาด เพราะการแยกปริมาณน้ำฝนจากฝนธรรมชาติและฝนเทียมนั้น ทำได้ลำบากมาก
|
|