สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 6
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๖ / จุด เส้นและผิวโค้ง / การเคลื่อนที่ของจุดซึ่งอยู่บนวงกลม
การเคลื่อนที่ของจุดซึ่งอยู่บนวงกลม
การเคลื่อนที่ของจุดซึ่งอยู่บนวงกลม
ถ้าเราทำเครื่องหมายไว้แห่งหนึ่งบนขอบนอกของล้อรถ เช่น ล้อรถจักรยาน
เมื่อรถวิ่งไปบนพื้นราบ เราจะสังเกตเห็นว่า
เครื่องหมายที่ทำไว้นั้น ก็จะเคลื่อนที่ไปด้วย
เมื่อตรวจสอบทางเดินของเครื่องหมายที่ทำไว้จะเห็นว่า
เป็นเส้นโค้งชนิดหนึ่ง ในทางคณิตศาสตร์เรียกเส้นโค้งนี้ว่า ไซคลอยด์ (cycloid)
มีลักษณะคล้ายคลื่น ฉะนั้นไซคลอยด์ก็คือ ทางเดินของจุดๆ
หนึ่งบนวงกลมที่กลิ้งไปบนเส้นตรง |
 |
ถ้าหงายเส้นโค้งไซคลอยด์ลง และให้ M
เป็นจุดต่ำที่สุดของเส้นโค้งนี้ คุณสมบัติพิเศษของไซคลอยด์ก็คือ
เมื่อเอาลูกบอลวางไว้ที่จุด P ซึ่งอยู่ที่ส่วน ใดๆ ของเส้นโค้งนี้ก็ตาม
เมื่อปล่อยลูกบอลให้กลิ้งลงมาตามเส้นโค้ง ลูกบอล จะมาถึงจุด M
ในเวลาเท่ากันหมด |
 |
ท่านอาจจะลองคิดต่อไปว่า ถ้า P1
เป็นจุดๆ หนึ่งบนรัศมี OP เมื่อวง กลมกลิ้งไปบนเส้นตรง ทางเดินของจุด P1
จะมีลักษณะอย่างไร ถ้า P2 เป็นจุดๆ หนึ่งบนรัศมี
OP ที่ต่อออกไป ทางเดินของจุด P2
จะเป็นอย่างไรเมื่อกลิ้งวงกลม ไปบนเส้นตรง |
 |
ทดลองโดยเอาเหรียญบาทมาสองอัน
วางเหรียญหนึ่งไว้ให้อยู่กับที่
ทำเครื่องหมายไว้หนึ่งแห่งที่ขอบของเหรียญที่สอง แล้วค่อยๆ
กลิ้งเหรียญที่สอง รอบเหรียญที่วางไว้อยู่กับที่จนรอบ
ทางเดินของเครื่องหมายบนขอบเหรียญที่สอง จะเป็นเส้นโค้งมีลักษณะ (ดังรูป)
ดูคล้ายกับรูปหัวใจ ทางคณิตศาสตร์เรียกเส้น โค้งชนิดนี้ว่า คาร์ดีออยด์ (cardioid)
ซึ่งเป็นทางเดินของจุดๆ หนึ่งบนวงกลมที่
กลิ้งรอบวงกลมที่อยู่กับที่อีกวงหนึ่ง |
คราวนี้ลองให้วงกลมที่กลิ้งไปนั้น
มีรัศมีน้อยกว่ารัศมีของวงกลมที่อยู่กับที่
จุดที่ทำเครื่องหมายบนวงกลมวงนอก จะอยู่บนวงกลมวงในมากกว่าหนึ่งแห่ง
ทำให้ทางเดินเป็นส่วนโค้ง (arch) มากกว่าหนึ่งส่วน เช่น
ถ้าวงกลมวงนอกมีรัศมี เท่ากับครึ่งหนึ่งของรัศมีของวงกลมวงใน
จะได้เส้นโค้งเป็นส่วนโค้งสองส่วน ถ้าวงกลมวงนอกมีรัศมีเพียงเศษหนึ่งส่วน
n ของรัศมีวงกลมวงใน ก็จะได้ส่วนโค้ง n ส่วนรอบวงกลมวงใน
เราเรียกเส้นโค้งชนิดนี้ว่า เอพิไซคลอยด์
(Epicycloid)
เส้นโค้งคาร์ดิออยด์เป็นกรณีเฉพาะ ของเส้นโค้งเอพิไซคลอยด์ |
 |
 |
ถ้าเอาวงกลมเล็กไปกลิ้งภายในวงกลมใหญ่ซึ่งอยู่กับที่
จุดที่อยู่บนวงกลมเล็กจุดหนึ่ง ก็จะขีดเส้นโค้งขึ้นภายในวงกลมใหญ่
เราเรียกทางเดินของจุดเช่นนี้ว่า ไฮโพไซคลอยด์
(Hypocycloid)
จำนวนเส้นโค้งภายในวงกลมใหญ่จะมี n ส่วนโค้ง เมื่อวงกลมใหญ่มีรัศมีเป็น n
เท่าของรัศมีวงกลมเล็ก |
ท่านอาจจะลองเขียนเส้นโค้งไฮโพไซคลอยด์
เมื่อวงกลมใหญ่มีรัศมีเป็นสองเท่า
และสามเท่าของวงกลมเล็กดูบ้างว่า เส้นโค้งมีลักษณะอย่างไร การเขียนเส้นโค้งโดยใช้เส้นรังสีและมุม
เขียนวงกลมรัศมี 2 1/4
นิ้ว จากจุดศูนย์ กลางเขียนเส้นรังสี 18 เส้นให้ทำมุมเท่ากับ 20 องศาเท่าๆ
กันโดยใช้ไม้โพรแทรกเตอร์ (ไม้ที่มีสเกลแบ่งมุม) ให้ตัวเลขรังสีเริ่มจาก 0
ถึง 17 แล้วต่อไปเป็น 18, 19, 20,...ตามรูป กำหนดจุดบนเส้นรังสีเหล่านี้
จุดแรกบนรังสีที่หนึ่งอยู่ห่าง จากจุดศูนย์กลาง 1/8
นิ้ว จุดที่สองบนรังสีที่สองอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลาง 2/8
นิ้ว จุดที่สามบนรังสีที่สามอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลาง 3/8
นิ้ว ทำเช่นนี้ไปจนถึงรังสีที่ 18 จุดจะอยู่บนวงกลมพอดี
ถ้าทำต่อไปโดยให้ความยาวของรังสีเพิ่มขึ้นครั้งละ 1/8
นิ้ว แล้วโยงจุดเหล่านี้เข้าด้วยกัน จะได้เส้นโค้งเป็น รูปก้นหอย
(spiral)
|

|
จุดต่างๆ บนเส้นโค้งก้นหอยสร้างจากหลักเกณฑ์
"ความยาวของรังสี OP
เป็นปฏิภาคโดยตรงกับขนาดของมุมที่ OP ทำกับเส้น OX" เขียนเป็นสมการดังนี้
เมื่อ a เป็นค่าคงที่ เราเรียกเส้นโค้งแบบนี้ว่า เส้นโค้งก้นหอยแบบอาร์คีมีดีส
(Spiral of Archimedes)
ถ้าลองกลับไปดูความยาวของเส้นรังสี
ที่วัดจากจุดศูนย์กลางไปยังจุดบน
เส้นโค้งก้นหอยแบบอาร์คีมีดีส จะเห็นว่า ความยาวจะเพิ่มขึ้นเป็นความก้าวหน้า
เลขคณิต ดังนี้
เราอาจจะสร้างเส้นโค้งก้นหอยอีกแบบหนึ่ง
ให้ความยาวของรังสีค่อยๆ
เพิ่มขึ้นแบบความก้าวหน้าเรขาคณิตก็ได้
เมื่อมุมของรังสีเท่ากันหมดที่จุดศูนย์ กลาง
เส้นโค้งก้นหอยที่น่าสนใจแบบหนึ่งมีความยาวของรังสีที่อยู่ห่างกัน 12 พจน์
เป็น 2 เท่ากัน กล่าวคือ ถ้าความยาวของรังสีเรียงตามลำดับแบบความก้าวหน้า
เรขาคณิต
r, r2, r3,...rn,...
เมื่อแทนรังสีที่ n ด้วย rn ดังนั้น rn
= rn จะได้
rn + 12
= 2rn หรือ rn+12
= 2rn
ดังนั้น
r12
= 2 หรือ r =
1.0595
แบ่งมุมรอบจุด O ออกเป็น 24 ส่วนเท่าๆ กันโดยเส้นรังสี Oa, Ob, Oc, B,
C,...บนเส้นรังสี Oa, Ob, Oc,...ดังต่อไปนี้
|
 |
จุด A อยู่บน Oa ให้ OA
= 1.00 หน่วย
B "
Ob " OB = 1.06 "
C "
Oc " OC = 1.12 "
D "
Od " OD = 1.19 "
E "
Oe " OE = 1.26 "
F "
Of " OF = 1.33 "
G " Og
" OG = 1.41 "
H " Oh
" OH = 1.50 "
I "
Oi " OI = 1.59 "
J " Oj " OJ = 1.68 "
K " Ok " OK = 1.78 "
L " Ol " OL = 1.89 "
M " Om " OM = 2.00 "
N " On " ON = 2.12 "
P " Op " OP = 2.24 "
Q " Oq " OQ = 2.38 "
R " Or " OR = 2.52 "
S " Os " OS = 2.66 "
T " Ot " OT = 2.83 "
U " Ou " OU = 3.00 "
V " Ov " OV = 3.17 "
W " Ow " OW = 3.36 "
X " Ox " OX = 3.56 "
Y " Oy " OY = 3.77 "
A' " Oa " OA' = 4.00 "
B' " Ob " OB' = 4.24 "
C' " Oc " OC' = 4.49 "
จากการสังเกตจะเห็นว่า
OA' = 4 OA
OB' = 4 OB
OC' = 4 OC
...................
OA" = 4 OA' = 16 OA
OB" = 4 OB' = 16 OB
OC" = 4 OC' = 16 OC
|
เส้นโค้งก้นหอยแบบนี้มีคุณสมบัติพิเศษประการหนึ่งคือ
เส้นรังสีและเส้นสัมผัสกับเส้นโค้งจะทำมุมเท่ากันหมด
ตลอดทุกจุดบนเส้นโค้ง
นักคณิตศาสตร์เรียก เส้นโค้งแบบนี้ว่า เส้นโค้งก้นหอยแบบมีมุมเท่ากัน
(equiangular spiral) หรือเรียกว่า เส้นโค้งก้นหอยแบบลอการิทึม
(logarithmic sprial) และมีสมการทางคณิต ศาสตร์ ดังนี้
|
ท่านอาจจะเขียนเส้นโค้งแบบก้นหอยแบบมีมุมเท่ากัน
โดยใช้ไม้บรรทัด
และวงเวียนเท่านั้นก็ได้ โดยดำเนินการตามลำดับดังนี้
- สร้างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก ข ค ง ให้ด้าน ก ข ยาว 13
เซนติเมตร ด้าน ข
ค ยาว 21 เซนติเมตร
- สร้างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จ ฉ ค ง ยาวด้านละ 13
เซนติเมตร อยู่
ในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก ข ค ง
- ใช้จุด ฉ เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมี ฉ ค 13 เซนติเมตร
เขียนส่วนโค้ง
ของวงกลมจากจุด ค ไปยังจุด จ
- สร้างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก ช ซ จ ยาวด้านละ 8
เซนติเมตร จากรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า ก ข ฉ จ
- ใช้จุด ซ เป็นจุดศูนย์กลางรัศมี จ ซ
เขียนส่วนโค้งของวงกลมจากจุด จ ไปยังจุด ช
- สร้างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ช ข ต ด ยาวด้านละ 5
เซนติเมตร จากรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า ช ข ฉ ซ
- ใช้จุด ด เป็นจุดศูนย์กลางรัศมี ด ช
เขียนส่วนโค้งของวงกลมจากจุด ช
ไปยังจุด ต
- สร้างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ต ฉ ท ถ ยาวด้านละ 3
เซนติเมตร จากรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า ต ฉ ซ ด
- ใช้จุด ถ เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมี ถ ต
เขียนส่วนโค้งของวงกลมจาก จุด ต
ไปยังจุด ท
- สร้างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ท ซ ธ น ยาวด้านละ 2
เซนติเมตร จากรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า ท ซ ด ถ
- ใช้จุด น เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมี น ท
เขียนส่วนโค้งของวงกลมจาก จุด ท
ไปยังจุด ธ
- สร้างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด บ ป ธ ยาวด้านละ 1
เซนติเมตร จากรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า ด ถ น ธ (ในขั้นนี้จะเหลือรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส บ ถ น ป
ยาวด้านละ 1 เซนติเมตร เป็นรูปสุดท้าย)
- ใช้จุด ป เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมี ป ธ
เขียนส่วนโค้งของวงกลมจาก จุด ธ
ไปยังจุด บ
ส่วนโค้งของวงกลมที่เริ่มต้นจากจุด ค ไปจนถึงจุด บ จะเป็นเส้นโค้งก้น
หอยแบบมีมุมเท่ากัน |
 |
จากวิธีการนี้จะเห็นได้ว่าเรามีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ที่มีความยาวของแต่ละ
ด้านเรียงกันดังนี้
1, 1, 2, 3, 5, 8, 13,...
แต่ละพจน์ของอันดับนี้ ได้จากผลบวกของสองพจน์ ซึ่งอยู่ข้างหน้าติด
กับพจน์นั้นมาบวกกัน เช่น
2 = 1+1, 3 = 1+2, 5 = 2+3, 8 = 3+5, 13 = 5+8, 21 =8+13
โดยหลักเกณฑ์นี้ เราก็จะเขียนพจน์ต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด นักคณิต
ศาสตร์เรียกจำนวนที่เรียงกันไปตามกฎเกณฑ์เช่นนี้ว่า อันดับฟิโบนักชี
(Fibonacci sequence) ของจำนวน จากความรู้ที่ได้นี้
ท่านจะเขียนเส้นโค้งก้นหอยให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยสร้างจัตุรัส
ที่มีความยาวของแต่ละด้านเป็นเลขในอันดับฟิโบนักชีต่อไปได้เรื่อยๆ |
 |
ในธรรมชาติ
เราอาจจะสังเกตเห็นลวดลายของหอยหลายชนิด ลวดลายของดอกไม้บางประเภท
และลวดลายของตาสับปะรด เป็นต้น มีลักษณะคล้ายกับเส้นโค้งก้นหอยสองชุดตัดกัน
|
กระดาษกราฟที่จะใช้สำหรับวิธีที่จะกล่าวนี้ มีลักษณะเป็นวงกลมที่มี
จุดศูนย์กลางร่วมกันหลายๆ วง และเส้นรังสีที่ออกจากจุดศูนย์กลางทำมุมขนาดต่างๆ กัน เราเรียกกระดาษกราฟแบบนี้ว่า กระดาษกราฟโพลาร์ (Polar
graph)
วิธีเขียนเส้นโค้งโดยวัดความยาวของรังสีจากจุดคงที่จุดหนึ่ง
และมุมที่รังสีกระทำเส้นตรงคงที่เส้นหนึ่งนี้
เป็นวิธีที่นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ว่า ทางเดินของดวงดาวต่างๆ
ตลอดจนทางเดินของดาวบริวารที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น
จะมีลักษณะเป็นเส้นโค้งแบบไหน และสามารถบอกตำแหน่งได้ทุกเวลาด้วย
|
|