สารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน
เมนู 9
|
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๙ / เรื่องที่ ๑๒ โภชนาการ / โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ
โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ
โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ
ผลจากการขาดวิตามินเอ
หน้าที่ที่สำคัญของวิตามินเอ คือ จำเป็นต่อการเห็น
จอตา ซึ่งทำหน้าที่ด้านการเห็นนั้น มีเซลล์อยู่ ๒ ชนิด ที่เกี่ยวกับการรับแสง
ชนิดแรกเรียกว่า "ร็อด" (rod) ซึ่งทำให้เราเห็นในที่สลัว
อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "โคน" (cone)
ซึ่งทำให้เราเห็นในที่สว่าง และเห็นสีสันด้วย การทำงานของเซลล์ ๒
ชนิดนี้ ต้องพึ่งวิตามินเอ ดังนั้น เมื่อร่างกายขาดวิตามินเอ
อำนาจการเห็นจะเสื่อมสมรรถภาพลง โดยเฉพาะถ้าเกิดในเด็กจะถึงขั้นตาบอดได้
อาการเริ่มแรก คือ ตาบอดแสง
โดยเด็กจะมีความลำบากในการเห็น เมื่ออยู่ในที่แสงสลัวหรือมืด
ความสามารถในการแยกแยะสีบางชนิดเลวลง
การขาดวิตามินเอยังมีผลทำให้การเจริญเติบโตชะงักงัน
และมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุในอวัยวะต่างๆ เช่น เยื่อตาขาว
กระจกตา เยื่อบุทางเดินหายใจ เป็นต้น โดยเซลล์เยื่อบุต่างๆ
เหล่านี้สร้างโปรตีนบางชนิดได้น้อยลง รูปร่างเซลล์เปลี่ยนไปจากเดิม
มีการทับถมของเซลล์ ทำให้หนาตัวขึ้น เช่น ถ้าเป็นที่ผิวหนัง
แทนที่ผิวหนังจะราบเรียบ ก็มีลักษณะขรุขระคล้ายหนังคางคก
สำหรับที่ส่วนหน้าของลูกตา เซลล์ของเยื่อตาขาวจะหยุดสร้างสารเมือก
ทำให้ตาขาวแห้ง และเยื่อตาขาวส่วนที่อยู่ด้านนอกของกระจกตาจะมีลักษณะเป็นแผ่นฟองมันๆ ซึ่งเรียกว่า เกล็ดกระดี่
มีการทำลายของเซลล์ที่บุกระจกตา ทำให้ตาดำแห้ง เกิดการอักเสบ
ถ้าเป็นรุนแรงก็ถึงขั้นเน่าเปื่อย ตาดำทะลุ และมีผลทำให้ตาบอดได้
|
เกล็ดกระดี่ที่เยื่อตาขาว เนื่องจากการขาดวิตามินเอ
|
โรคขาดวิตามินเอนี้
พบมากในเด็กที่อยู่ในประเทศด้วยพัฒนาและกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ได้มีการคาดคะเนว่า เด็กทั่วโลกที่ตาบอด จากการขาดวิตามินเอนั้น
มีไม่ต่ำกว่า ๒๕๐,๐๐๐ คนต่อปี การขาดวิตามินเอ
มักพบในเด็กที่เป็นโรคขาดโปรตีนและแคลอรี จึงยิ่งทำให้อัตราตายสูงขึ้น ได้มีผู้รายงานว่า เด็กที่มีตาอักเสบจากการขาดวิตามินเอ
เมื่อได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนั้น ร้อยละ ๒๕ ของเด็กที่รอดตายจะตาบอด
ร้อยละ ๕๐-๖๐ ยังพอเห็นอยู่บ้าง เพียงร้อยละ ๑๕-๒๕ ที่เห็นได้ตามปกติ
|
สาเหตุของการขาดวิตามินเอ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไทยในชนบท ขาดวิตามินเอนั้น เกิดจากได้วิตามินเอ และแคโรตีน จากอาหารไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ การดูดซึมของวิตามินเอยังต้องอาศัยไขมัน และน้ำดี
ดังนั้นคนที่กินไขมันน้อย จะมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินเอเลวลง
ภาวะที่ขาดโปรตีนและแคลอรี จะทำให้การสร้างเรทินอลไบน์ดิงโปรตีน (retinol
binding protem) ลดลง โปรตีนดังกล่าวนี้เป็นโปรตีนพิเศษ
ทำหน้าที่ขนถ่ายวิตามินออกจากตับไปสู่ตา ดังนั้น
เด็กที่เป็นโรคขาดโปรตีนและแคลอรี
เมื่อขาดวิตามินเอด้วยอาการทางตาจะรุนแรงมาก
ภาวะที่ร่างกายต้องการวิตามินเอมากกว่าปกติ เช่น
โรคติดเชื้อ ถ้าได้วิตามินเอไม่พอ ก็เป็นโรคขาดวิตามินเอได้
การป้องกันการขาดวิตามินเอ
เนื่องจากเด็กเป็นวัยที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอมากที่สุด
และเมื่อเกิดแล้วมักรุนแรงถึงขั้นตาบอด
องค์การอนามัยโลกจึงสนับสนุนให้มีการป้องกันการขาดวิตามินเอในท้องถิ่นที่มีปัญหานี้
โดยให้มีการป้อนวิตามินเอในขนาดที่สูงกว่าความต้องการของร่างกาย เช่น
ในเด็กอายุต่ำกว่า ๑ ปี ให้กินวิตามินเอในขนาด ๑ แสน ไอ.ยู. (I.U. =
international unit) ถ้าอายุมากกว่า ๑ ปี ให้กินขนาด ๒ แสน ไอ.ยู.
เพียงครั้งเดียว ระดับที่ให้นี้สามารถป้องกันการขาดวิตามินเออยู่นาน ๓-๖
เดือน สิ่งที่กล่าวมาแล้วเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
แต่การแก้ปัญหาระยะยาวต้องทำควบคู่ไปด้วย เช่น ส่งเสริมให้ปลูกผักสวนครัว
ให้ได้อาหารที่ให้แคโรตีนที่ดี
และต้องนำเอาอาหารเหล่านั้นมากินในชีวิตประจำวันด้วย |
|