เล่มที่ 36
แอนิเมชัน
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
วิวัฒนาการของแอนิเมชัน

ดังที่ได้กล่าวในตอนต้นแล้วว่า แอนิเมชันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ดังนั้น ประวัติความเป็นมาของการสร้างแอนิเมชัน จึงพอประมวลได้ ดังนี้

แอนิเมชันกับอารยธรรมมนุษย์

            ตั้งแต่ยุคสมัยโบราณมาแล้ว มนุษย์มีความปรารถนาที่จะสร้างภาพการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ   ดังเห็นได้จาก การค้นพบภาพเขียนบนผนังถ้ำ ซึ่งเป็นภาพหมูป่าที่มี ๘ ขา โดยจำลองการเคลื่อนไหวของหมูป่า หรือแม้แต่สมัยของกรีกโบราณช่วง ๖๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช ก็ปรากฏภาพเขียนคนขับรถม้า ที่มีการวาดขาของม้าหลายๆ ขา ทำให้ดูเหมือนม้าที่กำลังวิ่ง  

ภาพศิลปะอันโด่งดังที่ชื่อ “Vitruvius Man” ของ Leonardo da Vinci ถือเป็นงานที่แสดงถึงการจำลองการเคลื่อนไหวของมนุษย์เช่นกัน

            เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๘  จอห์น ไอร์ตัน ปารีส (John Ayrton Paris) และดับบลิว.เอช. ฟิตตัน (W.H. Fitton) ได้ประดิษฐ์ของเล่นชิ้นพิเศษชื่อว่า “Thaumatrope” (เป็นคำที่มาจากภาษากรีกแปลว่า “หมุนมหัศจรรย์”) เป็นภาพกระดาษวงกลม ด้านหนึ่งวาดเป็นรูปนก อีกด้านหนึ่งวาดเป็นรูปกรงและผูกเชือกทั้ง ๒ ด้าน  จากนั้น จึงดึงเชือกให้พลิกไปมาอย่างรวดเร็ว ก็จะเป็นภาพซ้อนหลอกตาให้เห็นว่านกเข้าไปอยู่ในกรงได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ของเล่น Thaumatrope จึงนับเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกๆ ที่สร้างภาพแอนิเมชันได้อย่างชัดเจน   หลังจากนั้นเป็นต้นมา เทคโนโลยีด้านการบันทึกภาพต่างๆ ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด


ของเล่น "Thaumatrope" (หมุนมหัศจรรย์) เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างภาพแอนิเมชันได้อย่างชัดเจน

            ต่อมา ใน พ.ศ. ๒๔๕๗ วินเซอร์  แมกเคย์ (Winsor McCay) นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ได้จัดแสดงภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ผลงานของตนเองเรื่อง “เจอร์ที เดอะ ไดโนเสาร์” (Gertie the Dinosaur) ที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา โดยแมกเคย์ได้ขึ้นแสดงบนเวทีร่วมกับเจอร์ที (Gertie) ตัวการ์ตูนไดโนเสาร์ที่ถูกฉายภาพบนจอ ด้วยนิสัยของเจอร์ที ตัวการ์ตูนไดโนเสาร์ที่ซุกซนและแสนรู้ ทำให้ผู้ชมเกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก จากความสำเร็จของเรื่องนี้ ทำให้ภาพยนตร์แอนิเมชันกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างแพร่หลาย บรรดานักลงทุนจึงหันมาลงทุนผลิตงานแขนงนี้มากขึ้น จนก่อให้เกิดอุตสาหกรรมแอนิเมชันในเวลาต่อมา


แผ่นโฆษณาภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันเรื่อง "เจอร์ที เดอะ ไดโนเสาร์"

ก้าวกระโดดของแอนิเมชัน

            ภาพยนตร์แอนิเมชันที่ผลิตในยุคแรกๆ นั้น มีลักษณะเหมือน “หนังเงียบ” ดังนั้น รูปแบบการเล่าเรื่องจึงมีตัวหนังสือสลับขึ้นมาเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจในเนื้อหา และมีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงประกอบการฉาย เพื่อให้การชมมีความสนุกสนานและไม่น่าเบื่อ ต่อมาบริษัทเดอะ วอลต์ดิสนีย์ (The Walt Disney Company) ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน เรื่อง “สตีมโบต วิลลี” (Steamboat Willie) ออกฉายใน พ.ศ. ๒๔๗๑ นับเป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่บันทึกทั้งภาพและเสียงอย่างสมบูรณ์แบบ (full length) ลงบนแผ่นฟิล์ม ต่อมา ใน พ.ศ. ๒๔๘๐ บริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ ได้ผลิตภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันเรื่องยาวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นที่รู้จัก และชื่นชอบกันทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย คือ เรื่อง “สโนว์ไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ด” (Snow White and the Seven Dwarfs) ที่ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์การ์ตูนอมตะตลอดกาล ทั้งเนื้อหา เทคนิคการวาด ตลอดจนภาพและเสียง



แผ่นโฆษณาภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันเรื่อง "สโนว์ไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ด"


            สำหรับภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันไทยเรื่องแรกที่ได้มีการผลิตขึ้น ใน พ.ศ. ๒๔๘๙ คือ เรื่อง “เหตุมหัศจรรย์” อันเป็นผลงานที่สร้างสรรค์โดยอาจารย์ปยุต  เงากระจ่าง ซึ่งเป็นเพียงภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันขนาดสั้น ความยาว ๑๒ นาที และอีก ๒๔ ปีต่อมา อาจารย์ปยุต  เงากระจ่างก็ผลิตภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันขนาดยาวเรื่องแรกของประเทศไทย คือ เรื่อง “สุดสาคร” ฉายใน พ.ศ. ๒๕๒๒ แต่เนื่องจากขาดการสนับสนุนทั้งจากนายทุนและภาครัฐในสมัยนั้น  แอนิเมชันในประเทศไทยจึงไม่มีการพัฒนาอย่างจริงจังไปอีกหลายสิบปี

            ส่วนแอนิเมชันในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง  และได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในยุคที่เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์กำลังเฟื่องฟู โดยบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์  ร่วมกับบริษัทพิกซาร์ (Pixar) ได้ผลิตภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันในรูปแบบใหม่เรื่อง “ทอยสตอรี” (Toy Story) ออกฉายใน พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยใช้คอมพิวเตอร์สร้างตัวละครหรือแบบจำลองสามมิติ (three-dimensional model) ควบคุมการเคลื่อนไหว  รวมทั้งให้แสง-เงา โดยมีทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการผลิตมากกว่า ๒๐๐ คน ซึ่งใช้เวลาผลิตนานถึง ๔ ปี ถือว่า เป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันเรื่องยาวที่สมบูรณ์แบบเรื่องแรก ที่ผลิตขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์