ประวัติการบินของไทย ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นในเรื่องการพัฒนา เมื่อโลกเริ่มมีเครื่องบิน ไทยก็ได้พยายามให้ มีบ้าง ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้มีผู้นำเอาเครื่องบินแบบ ออร์วิลล์ ไรท์ มาบินแสดงให้ประชาชนชม ที่สนามม้าสระปทุม (ปัจจุบันเป็นราชกรีฑาสโมสร) พลอากาศโทพระยาเฉลิมอากาศ ผู้ซึ่งได้รับการ ยกย่องว่าเป็นบรรพบุรุษของกองทัพอากาศ นักบินคนแรกของไทย ก็ได้ทดลองบินในการแสดงครั้งนี้ด้วย | ||
เครื่องบินแบบเออร์วิลล์ ไรท์ บินแสดงครั้งแรกในประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ | ||
พลเอกสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก ได้ดำริจัดตั้งหน่วยบินขึ้น เพื่อป้องกันประเทศไทยตามความจำเป็น ดังนั้นพระองค์จึงทรงเลือก นายพันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ (สุณี สุวรรณประทีป) นายร้อยเอก หลวงอาวุธลิขิกร (หลง สินสุข) และนายร้อยโททิพย์ เกตุทัต ไปศึกษาวิชาการบิน ณ ประเทศฝรั่งเศสจนสำเร็จ
ในระหว่างนี้ ประเทศได้สั่งซื้อเครื่องบินเบรเกต์ (breguet) ปีกสองชั้น ๓ เครื่องเครื่อง บินนิเออปอร์ต (nieuport) ปีกชั้นเดียว ๔ เครื่อง เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ซื้อเบรเกต์ให้อีก ๑ เครื่อง ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ เครื่องบิน ๘ เครื่องนี้ พร้อมทั้งนายทหารไทยทั้งสามนาย ซึ่งเป็น "มนุษย์อากาศไทยชุดแรก" จึงจัดเข้าประจำการเป็นหน่วยบินแรกของกองทัพไทย | ||
นักบินไทย บินด้วยเครื่องบินแบบเบรเกต์ไปลงเป็นปฐมฤกษ์ เปิดสนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ | ||
ที่สนามม้าสระปทุม วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ นักบินไทยได้ทดลองบินเครื่องบินของไทยเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าสนามม้าสระปทุมไม่สะดวก เพราะแคบไป และเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมในฤดูฝน พระยาเฉลิมอากาศจึงเสาะแสวงหาพื้นที่อื่นรอบๆ พระนคร ในที่สุด ท่านก็เลือกดอนเมือง ซึ่งไม่ไกลนัก และตามปกติน้ำก็ไม่ท่วม ใช้ทำการบินได้สะดวกตลอดปี ดังนั้นในวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ เครื่องบินของกองบินไทยก็ร่อนลงเป็นปฐมฤกษ์ เปิดสนามบินดอนเมือง อันเป็นฐานทัพอากาศมา จนถึงปัจจุบันนี้ | ||
เครื่องบินไอพ่นแบบสองเครื่องยนต์ ความเร็วเหนือเสียงของกองทัพอากาศไทยในปัจจุบัน | ||
ด้วยอุตสาหะและวิริยะอย่างแรงกล้าของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ทุกคน เครื่องบินปีกสองชั้นของเราลำแรก ซึ่งผลิตออกมาจากโรงงานที่ดอนเมือง ได้บินขึ้นสู่อากาศใช้ราชการได้ดี ด้วย วัตถุพื้นเมืองและฝีมือช่างไทย เว้นเครื่องยนต์ ซึ่งต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเยี่ยมและเสด็จประทับเสวยพระกระยาหาร กลางวันที่หน่วยบินดอนเมืองเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ทรงมีพระราชดำรัสชมเชยและ ขอบใจเจ้าหน้าที่ทุกคนผู้ร่วมงานการผลิตขึ้น จนใช้ในราชการได้เป็นผลสำเร็จ
กิจการการบินของไทยได้พัฒนาและขยายจากเครื่องบิน ๘ เครื่อง นักบิน ๓ นาย ในสมัยเริ่ม แรกจนกลายเป็นกองทัพอากาศ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ และได้มีหน่วยเครื่องบินไอพ่นเป็น ครั้งแรก โดยคณะนายพลอากาศไทย ๓ นาย ได้ไปรับมอบเครื่องบินไอพ่นหนึ่งหมู่จากฐานทัพ อเมริกันในประเทศญี่ปุ่น แล้วต่างก็ขับมาเองคนละเครื่องเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ | ||
เครื่องบินโดยสารพลเรือน ของบริษัทเดินอากาศไทย จำกัด | ||
ขณะนี้เรามีกำลังทางอากาศหลายร้อยเครื่อง มีข้าราชการทหารอากาศหลายหมื่นคน และ สามารถทำการรบทางอากาศ ทำการรบร่วมกับกองทัพบก กองทัพเรือ เพื่อป้องกันประเทศได้ เป็นอย่างดี เครื่องบินรบไอพ่นสองเครื่องยนต์มีความเร็วเหนือเสียง มีอาวุธจรวด ปืน และลูกระเบิด ที่ทันสมัย เป็นเครื่องบินแบบใหม่ที่ใช้ประจำการอยู่ในกองทัพอากาศปัจจุบัน | ||
เครื่องบินโดยสารพลเรือน ของบริษัทการบินไทย จำกัด | ||
เมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕ กองทัพอากาศก็ได้สร้างเครื่องบินปีกชั้นเดียวขึ้นใช้เองอีกคำรบหนึ่ง ทางด้านขนส่ง ไทยริเริ่มทดลองใช้เครื่องบินเบรเกต์ ส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ ๓ ปีต่อมา การบินรับส่งผู้โดยสารและพัสดุ ก็เริ่มขึ้น การสงครามเป็นอุปสรรคให้เกิดการขาดแคลน อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ไประยะหนึ่ง แต่แล้วกระทรวงคมนาคมก็ได้ลงทุนจัดตั้งบริษัทเดินอากาศไทยขึ้น เพื่อบริการประชาชนในการขนส่งทางอากาศทั่วประเทศ โดยใช้เครื่องบินไอพ่น สองเครื่องยนต์ แบบแอฟโร ๗๔๘ (avro 748) ต่อมาได้นำเครื่องบินที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเข้ามาใช้ เช่นเครื่องบินแบบโบอิง ๗๓๗ (boeing 737) และเครื่องบินสำหรับบริการผู้โดยสารตามเส้นทางย่อย (shorts 330) ส่วนการบินระหว่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทการบินไทย จำกัด มีเครื่องบินไอพ่น สี่เครื่องยนต์ บริการไปประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในทวีปเอเซีย ออสเตรเลีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ |