เล่มที่ 10
โรคภูมิแพ้
สามารถแชร์ได้ผ่าน :

โรคภูมิแพ้ที่พบในคนไทย

โรคหืด

            เป็นโรคที่หลอดลมของผู้ป่วยไวต่อสิ่งที่มากระตุ้นมากกว่าปกติ ทำให้หลอดลมเกิดหดเกร็ง เนื่องจาก กล้ามเนื้อรอบหลอดลมหดเกร็ง มีเสมหะมาก และผนังหลอดลมบวม การหดเกร็งของหลอดลมนี้เกิดเป็นครั้งคราว ขณะเกิดอาการ ทำให้หายใจผ่านทางลำบากขึ้น จึงเกิดอาการหอบ อาจได้ยินเสียงหายใจดังวีดๆ ได้ ขณะไม่หอบก็เหมือนคนปกติ

            สาเหตุของโรคนี้ อาจมาจากการแพ้สารบางอย่าง หรืออาจเกิดจากการทำงานของประสาทที่ควบคุมหลอดเลือดผิดปกติไป ผู้ป่วยที่เป็นหืดอาจเกิดการหอบขึ้น เนื่องจากพบสิ่งกระตุ้น ซึ่งมีหลายอย่าง เช่น ผู้ป่วยได้รับสารที่ตนเองแพ้ การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ อาทิ อากาศหนาว อากาศอ้าว การออกกำลังมากเกินไป หรือแม้แต่ความผิดปกติในอารมณ์ หรือจิตใจ ก็อาจเกิดการหอบขึ้น สาเหตุของการแพ้ในโรคนี้ ส่วนใหญ่เป็นสารที่สูดเข้าทางการหายใจ เช่น ฝุ่นบ้าน ตัวไรในฝุ่น ขนสัตว์เลี้ยง เศษแมลง เชื้อรา เกสรหญ้า และเกสรดอกไม้ในอากาศ
เชื้อราเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหืด
เชื้อราเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหืด
            โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง เกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ โรคที่เริ่มเกิดในเด็กมักมีสาเหตุจากการแพ้มากกว่าโรคที่เริ่มเกิดในผู้ใหญ่ ถ้าเกิดในวัยเด็กจะมีโอกาสหายได้ง่ายกว่า

จมูกอักเสบจากภูมิแพ้

            บางคนเรียกว่า "ไข้ละอองฟาง" (hay fever) แต่คนทั่วไปเรียกโรคนี้ว่า "โรคแพ้อากาศ" ความจริงไม่ใช่การแพ้อากาศ แต่เป็นการแพ้สารบางอย่างในอากาศ เมื่อผู้ป่วยสูดเอาสารที่ตนแพ้เข้าร่างกาย จะมีน้ำมูกไหล คัดจมูก คันจมูก คันตา คันในลำคอ มีน้ำตาไหลและจาม อาการดังกล่าวอาจเป็นเฉพาะฤดูกาล สาเหตุมักเกิดจากการแพ้สารที่มีในฤดูกาลนั้นๆ เช่น เป็นฤดูกาลที่มีเกสรหญ้า และวัชพืช หรือเชื้อรา หรืออาจมีอาการตลอดปี ซึ่งมักเกิดจากการแพ้สารที่ผู้ป่วยพบตลอดปี เช่น ฝุ่นบ้าน ตัวไรในฝุ่น เศษแมลง รังแคสัตว์ อาหาร หรือเกสร และเชื้อราชนิดที่มีอยู่ตลอดปี ผู้ป่วยบางรายมีอาการหอบหืดด้วย สาเหตุของโรคทั้งสองคล้ายกัน แม้ว่าอาการของโรคนี้ไม่รุนแรงถึงกับเสียชีวิต แต่ก็ก่อความรำคาญแก่ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
ตัวไรในฝุ่นเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้
ตัวไรในฝุ่นเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้
โรคผื่นแอ็กซีมา

            โรคผื่นเอ็กซีมา (atopic eczema) เป็นโรคที่มีผื่นของผิวหนัง ซึ่งมักเกิดในบุคคลที่มีแนวโน้มในการแพ้ ผู้ป่วยบางรายมีอาการหอบหืด และจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย โรคนี้อาจเกิดได้กับเด็กเล็กแม้เพียงอายุ ๒-๓ เดือน สำหรับเด็กเล็กนี้ผื่นมักเกิดที่บริเวณหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้มทั้งสองข้าง ศีรษะเป็นผื่นแดงคัน อาจมีน้ำเหลืองซึม และจะเกิดเป็นสะเก็ดคล้ายกับที่เราเรียกว่า "กลากน้ำนม" บางรายจะหายเมื่อโตขึ้น บางรายแม้ผื่นที่บริเวณหน้าทุเลาลง แต่มักพบผื่นตามบริเวณข้อพับของเข่า ศอก และรอบคอ เมื่อเด็กโตขึ้น มีอาการคันมาก หากเป็นนานๆ ผิวหนังจะแห้งและหนาขึ้น อาการจะกำเริบเป็นครั้งคราว ไม่ทราบสาเหตุของโรคนี้แน่นอน ในเด็กเล็ก อาหารบางชนิด เช่น ไข่ นม อาจทำให้ผื่นเห่อขึ้นในบางราย และสิ่งระคายผิวหนัง ก็ทำให้อาการรุนแรงขึ้น
ลมพิษลมพิษ

            เป็นปฏิกิริยาของเส้นเลือดในชั้นบนของผิวหนัง ผื่นมีลักษณะเฉพาะ คือ เป็นผื่นแดงนูน มีขอบเขตชัดเจน เป็นรอยหยักนูนขนาดต่างๆ กัน และคันมาก ถ้าปฏิกิริยาเกิดขึ้นใต้ผิวหนัง จะทำให้เกิดการบวมเฉพาะที่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เสมอกับผู้ที่เป็นลมพิษ เป็นโรคที่พบได้บ่อย สาเหตุส่วนมาก เนื่องมาจากการแพ้อาหาร และเครื่องดื่ม เช่น อาหารทะเล เบียร์ สุรา สีเหลืองบางชนิดที่ใช้ทำขนมก็เป็นสาเหตุได้เหมือนกัน สาเหตุอื่นได้แก่ การแพ้ยา และโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคพยาธิไส้เดือนในลำไส้ การสัมผัสแมลง เช่น บุ้ง แมลงชีปะขาว การสัมผัสหญ้า หรือถูกแมลงต่อย บางรายแพ้ความเย็น บางคนมีเหงื่อออกมากจากการออกกำลังกายก็เกิดลมพิษได้
แพ้ยา

            ในปัจจุบันมียามากมายหลายชนิด ยิ่งมียามากเท่าใดก็ยิ่งมีการแพ้ยามากขึ้นเท่านั้น ยาประเภทที่ทำให้เกิดการแพ้ง่ายได้แก่ พวกเพนิซิลลิน ซัล โฟนาไมด์ และยาแก้ปวด อาการแพ้ยาอาจพบได้เป็น ๒ แบบ แบบแรกเป็นผื่นแพ้ยา ซึ่งจะเกิดเป็นผื่นชนิดใดก็ได้ อาจมีอาการตั้งแต่คัน มีผื่นแดงทั่วไปเกิดลมพิษ มีผื่นคล้ายหัด ผิวหนังพองมีน้ำเหลือง บางครั้งรุนแรงถึงมีผื่นทั่วตัว รวมทั้งมีการอักเสบของเยื่อบุต่างๆ เช่น เยื่อบุในปาก เยื่อบุตา และอาจเสียชีวิตได้ อาการอีกแบบหนึ่งแสดงออกทางกายทั่วไป โดยไม่มีผื่น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ข้อบวม ดีซ่าน ไตอักเสบ บางรายมีอาการแพ้รุนแรง เกิดอาการช็อค และเสียชีวิตในเวลาอันสั้น

ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส

            เป็นการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสกับสารที่ผู้ป่วยแพ้ ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่สัมผัสเป็นประจำ เช่น เครื่องใช้ประจำวัน หรือสิ่งที่ต้องสัมผัสในอาชีพการงาน ซึ่งมีสารเคมีที่ผู้ป่วยอาจแพ้ได้ ปฏิกิริยามักเกิดขึ้นหลังสัมผัสกับสารนั้นประมาณ ๖-๔๘ ชั่วโมง ที่ผิวหนังจะมีผื่นบวม แดง คัน มีน้ำเหลืองซึม หรือมีเม็ดตุ่มใส และจะเกิดเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับสารนั้นเท่านั้น มักเห็นเป็นรอยชัดเจนพอที่จะทำให้นึกถึงสาเหตุได้ สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ เครื่องสำอาง เครื่องประดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่มีส่วนผสมของนิกเกิล นอกจากนี้ ผงซักฟอก ย้อมผม รองเท้า ปูนซีเมนต์ สีผึ้งทางปาก และยาต่างๆ ล้วนอาจเป็นสาเหตุได้ทั้งสิ้น
เครื่องสำอาง สารสังเคราะห์ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
เครื่องสำอาง สารสังเคราะห์ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ 
แพ้อาหาร

            อาหารอาจก่อให้เกิดการแพ้ และแสดงอาการได้หลายระบบอวัยวะ อาจก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด อาจแสดงอาการทางผิวหนัง เช่น เกิดลมพิษ อาจแสดงอาการทางระบบทางเดนอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง อาหารที่เป็นสาเหตุของการแพ้บ่อยในวัยทารกคือ นมวัว ส่วนวัยผู้ใหญ่นั้น สาเหตุที่สำคัญได้แก่ อาหารทะเล ของหมักดอง สุรา เบียร์ เนื้อสัตว์ อาหารสุกๆ ดิบๆ และผลไม้บางชนิด

แพ้แมลง

            แมลงในโลกมีมากมายนับเป็นแสนๆ ชนิด แมลงอาจก่อโรคภูมิแพ้ได้หลายแบบ เศษซากแมลงอาจเข้าร่างกายคน โดยการสูดหายใจเข้าไป ซึ่งมักก่อโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหืด จมูกอักสบจากภูมิแพ้ แมลงประเภทนี้ ได้แก่ เศษแมลงในบ้าน รวมทั้งแมลงสาบด้วย แมลงพวกยุง กัดแล้ว อาจทำให้ผู้ป่วยแพ้ได้เช่นกัน มักเกิดอาการทางผิวหนัง เช่น มีผื่น คัน ลมพิษ แมลงที่ต่อย เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดแดงไฟ และมดตะนอย ก็อาจทำให้ผู้ป่วยแพ้ได้ มักจะเกิดอาการรุนแรง และรวดเร็ว มีอาการปวด บวม บางรายรุนแรงมากถึงกับมีอาการช็อค หายใจไม่ออก และอาจเสียชีวิตภายใจเวลาอันสั้น