การนำเทคโนโลยีมาให้บริการในด้านข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ สื่อสาร ประมวลผล และนำเสนอข้อมูล มีชื่อเรียกรวมกันว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยี สารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ (ค.ศ. ๑๙๐๐ - ๑๙๙๙) ก้าวหน้าอย่างมาก มีทั้งโทรเลข โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ โทรสาร ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ฯลฯ ในสังคมยุคใหม่ที่เรียกกันว่า ไซเบอร์สเปซ
การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail)
เป้าหมายในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ มีแนวโน้มว่า คนจะพยายามทำให้คอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารงานได้เหมือนคนมากขึ้น สร้างสภาพการณ์ต่างๆ เสมือนคนเราได้เห็น ได้สัมผัสในชีวิตจริงมากยิ่งๆ ขึ้นไป ในด้านบวก ต้นศตวรรษที่ ๒๑ คาดว่า จะมีแนวโน้มดัง ต่อไปนี้
ในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ มีแนวโน้มว่า คอมพิวเตอร์จะได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถ
ในการติดต่อสื่อสารและในการทำงานด้านต่างๆ ได้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
การประชุมทางไกลผ่านเครือข่ายสื่อสาร (videoconference)
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่นอีกมาก ที่เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว
ในด้านลบ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ มีปัญหาอยู่ ๒ ประการ ที่จะต้องแก้ไข และป้องกัน เพื่อให้ความฝันเหล่านี้ สามารถเป็นจริงได้ ปัญหาแรกคือ ปัญหาการทำงานผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ ปัญหาที่ ๒ คือ การคุ้มครองไม่ให้ผลงาน ที่เราคิดค้น ถูกขโมยไปใช้ได้โดยง่าย
ปัญหาใหญ่ที่สุดในการทำงานผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ ที่อาจ เกิดขึ้นได้ เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์มีปัญหา หรือซอฟต์แวร์มีข้อผิดพลาด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก เนื่องจากซอฟต์แวร์ในปัจจุบัน มักประกอบด้วยชุดคำสั่งมากมาย นับแสนบรรทัด ชุดคำสั่งบางชุด ก็อาจจะมีข้อผิดพลาดได้ การแก้ไขข้อผิดพลาดต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก และต้องใช้เวลานาน เพื่อตรวจสอบให้ได้ว่า ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจากชุดคำสั่งชุดใด
อีกปัญหาหนึ่งคือ ปัญหาการคุ้มครองสิทธิของทรัพย์สินทางปัญญา ผลงานทางคอมพิวเตอร์ เป็นงานที่สามารถทำสำเนาลอกเลียนแบบ เพื่อนำไปแสวงหาผลประโยชน์ได้ง่าย หากการคุ้มครองป้องกันในส่วนนี้ไม่ได้ผล ปัญหาที่จะตามมาคือ คนจะไม่กล้าลงทุนทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมากเท่าที่ควร เพราะเกรงจะได้กำไรไม่คุ้มต้นทุน
คอมพิวเตอร์ภายในศูนย์บริการวิทยุติดตามตัว
ดังนั้น แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ จะมี ทั้งด้านบวก และด้านลบ หรืออาจต้นร้ายปลายดีก็ได้ ทั้งนี้จะต้องรอดูกันต่อไป