เล่มที่ 15
ผึ้ง
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
ลักษณะทั่วไปของผึ้ง

ลำตัวของผึ้ง แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง

กายวิภาคภายนอกและภายในของผึ้ง

ส่วนหัว

เป็นที่ตั้งของหนวด ตา และปาก

หนวด เป็นอวัยวะรับความรู้สึกและสัมผัสโดยเฉพาะการดมกลิ่นแทนจมูก

ตา ผึ้งมีตาประกอบใหญ่ ๑ คู่ ช่วยให้มองเห็นได้ในระยะไกล และเป็นบริเวณกว้าง สามารถมองเห็นดอกไม้สีต่างๆ ได้ในระยะไกล ผึ้งมองเห็นสีต่างๆ ได้เกือบเหมือนคน นอกจากสีแดง ซึ่งผึ้งจะเห็นเป็นสีดำ ผึ้งตัวผู้มีตาใหญ่กว่าผึ้งงาน และผึ้งนางพญา

ปาก ของผึ้งเป็นแบบกัดดูด ประกอบด้วยอวัยวะเล็กๆ หลายส่วน คือ ปากบนมีกรามแข็งแรง ๑ คู่ ด้านข้างเป็นฟัน ตรงกลางเป็นงวงทำหน้าที่ดูดน้ำหวาน ปากของผึ้งตัวผู้ และนางพญาหดสั้นมาก เพราะไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากผึ้งงานช่วยป้อนอาหารให้ผึ้งทั้งสองวรรณะ

ส่วนอก

เป็นส่วนรวมของกล้ามเนื้อ และเป็นที่ตั้งของขาและปีก

ขา มี ๓ คู่ ขาหลังมีอวัยวะพิเศษ สำหรับเก็บเกสรเรียกว่า ตะกร้าเก็บเกสร ผึ้งตัวผู้ และผึ้งนางพญาไม่มีอวัยวะนี้ เพราะไม่ต้องออกไปหาอาหาร

ปีก มี ๒ คู่ คู่แรกใหญ่กว่าคู่หลังเล็กน้อย ปีกคู่แรก และคู่หลังเกี่ยวกันด้วยตาขอเล็กๆ เรียงกันเป็นแถวเรียกว่า ฮามูไล (hamulai)

ส่วนท้อง

ของผึ้ง ประกอบด้วย ๖ ปล้อง ตัวผู้มี ๗ ปล้อง ที่ปลายท้องของผึ้งงาน และผึ้งนางพญามีเหล็กใน แต่ผึ้งตัวผู้ไม่มีเหล็กใน ด้านข้างแต่ละปล้องมีรูหายใจ ปล้องละ ๑ คู่

อวัยวะวางไข่ อยู่ที่ปล้องสุดท้ายในผึ้งงาน และผึ้งนางพญา บางส่วนของอวัยวะวางไข่จะดัดแปลงเป็นเหล็กใน มีลักษณะเป็นเข็มแหลม

รูหายใจ เป็นรูเปิดด้านข้างส่วนอกและท้อง มีทั้งหมด ๑๐ คู่ ๓ คู่แรกอยู่ที่ส่วนอก อีก ๗ คู่ อยู่ที่ส่วนท้อง รูหายใจจะปิดเปิดตลอดเวลา เพราะมันหายใจเข้าออกทางรูเหล่านี้ รูหายใจจะติดต่อกับท่อลม และถุงลม ผึ้งมีถุงลมใหญ่มากอยู่ภายในลำตัว ช่วยพยุงตัวขณะที่ผึ้งบิน ทำให้ผึ้งสามารถบินเร็ว และบินได้ไกลด้วย

            ขนตามลำตัว ของผึ้งมีจำนวนมาก เป็นขนละเอียด มีเส้นประสาทรับความรู้สึก และรับสัมผัส เช่น ส่วนขนบริเวณหน้า ใช้รับความรู้สึก การเคลื่อนไหว และทิศทางลม ผึ้งมักจะบินทวนลมไปยังที่ตั้งของแหล่งอาหาร ขนที่ติดกับอกและท้องของผึ้ง สามารถรับความรู้สึกเกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก ทำให้สามารถบอกความสูงต่ำได้ในขณะที่บิน นอกจากนั้นขนยังรับสัมผัสการเคลื่อนไหวของศัตรู และรับสัมผัสอาหาร คือ เกสร และน้ำหวานจากพืชได้อีกด้วย