เล่มที่ 17
ช้างเผือก
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
ช้างเทพ ๒๖ องค์
ช้างเทพ ๒๖ องค์

ช้างเอราวัณ
ช้างเอราวัณ

ภาพจิตรกรรมฝาผนังตำราช้างเผือก วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ภาพจิตรกรรมฝาผนังตำราช้างเผือก
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 
ชั้นและชื่อช้างเผือก

            ชั้นของช้างเผือกมี ๓ ชั้น คือ ช้างเผือกเอก ช้างเผือกโท และช้างเผือกตรี การจะกำหนดว่า ช้างเผือกเชือกใด จะเป็นชั้นใดนั้น ตำราคชลักษณ์กำหนดไว้ว่า

ช้างสีสังข์ ๑ ช้างทองเนื้อริน ๑ สงเคราะห์เข้าในเกณฑ์ว่าเป็น เผือกเอก
ช้างสีบัวโรย ๑ สงเคราะห์เข้าในเกณฑ์เป็น เผือกโท
ช้างสียอดตองตากแห้ง ๑ สีแดงแก่ ๑ สีแดงอ่อน ๑ สีทองแดง ๑ สีเมฆ ๑(นิล) สีดำ ๑ สงเคราะห์เข้าในเกณฑ์เป็น เผือกตรี

            แต่การกำหนดว่า ช้างเผือกแต่ละเชือกจะเป็นชั้นใดนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้กำหนด ผู้เชี่ยวชาญการตรวจคชลักษณ์มีหน้าที่เพียงทำรายงานกราบบังคมทูลพระกรุณา เพื่อประกอบกับพระบรมราชวินิจฉัยเท่านั้น

            ส่วนชื่อของช้างเผือก หรือช้างสำคัญ ที่ปรากฏในพระราชพงศาวดาร ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ อาจแบ่งได้เป็น ๒ ประเภท คือ

ประเภทที่ ๑

            มีคำที่ความหมายว่า ช้างอยู่ด้วย เช่น คชา กุญชร หัตถี หสดิน คเชนทร์ เช่น พระบรมคชลักษณ์ พระเทพกุญชร พระบรมจักรพาลหัตถี พระบรมหัสดิน พระบรมวิไลเชนทร์ เป็นต้น

ประเภทที่ ๒

            ตั้งชื่อตามลักษณะบางอย่างของช้าง เช่น ช้างพลายเล็บครบ มีชื่อว่า พระบรมนัขมณี ช้างพลายงาเดียว มีชื่อว่า พระบรมเมฆเอกทนต์ ช้างหลายเล็บดำ มีชื่อว่า พระพิไชยนิลนัข ช้างพลายสีนิล มีชื่อว่า พระสรีสกลกฤษณ์ เป็นต้น

            นอกจากนี้ชื่อช้างเผือกจะมีชื่อเป็น พระยา เจ้าพระยา เหมือนบรรดาศักดิ์ข้าราชการในสมัยก่อน เช่น พระวิสูตรรัตนกิริณี พระยาเศวตไอยรา เจ้าพระยาปราบไตรจักร เป็นต้น ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ทรงกำหนดให้ใช้คำว่า พระเศวต นำหน้าชื่อ และลงท้ายด้วยคำว่า เลิศฟ้า