๖) ข้อสะโพก
ข้อสะโพกเป็นข้อที่อยู่ลึกจึงไม่สามารถตรวจว่ามีอาการบวม หรือมีการหนาตัวของเยื่อบุข้อได้ ในระยะแรกของการเป็นโรค มักไม่ค่อยมีการอักเสบของข้อสะโพก เมื่อโรคเป็นมากขึ้นจึงพบว่ามีการอักเสบ หากข้อสะโพกมีการอักเสบเรื้อรัง หัวกระดูกสะโพกจะเกิดการยุบตัว บางรายหัวกระดูกสะโพกดันเบ้ากระดูกจนหัวกระดูกสะโพกยื่นเข้าสู่ด้านใน เรียกภาวะนี้ว่า กระดูกสะโพกทะลุเบ้า (protrusio acetabuli)
๗) ข้อกระดูกสันหลัง
การเปลี่ยนแปลงของข้อกระดูกสันหลังระดับคอเป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อยกว่ากระดูกสันหลังระดับอกและเอว อาการเริ่มแรกของผู้ป่วยที่มีการอักเสบของข้อกระดูกสันหลังระดับคอ คือ มีอาการคอฝืด คอแข็ง และเคลื่อนไหวคอได้ลำบาก อาการที่พบบ่อยในเวลาต่อมา คือ การปวดคอร้าวไปที่ท้ายทอย อาการที่พบรองลงมา คือ แขนขามีอาการอ่อนแรง พร้อมทั้งมีอาการเกร็งแข็ง และการรับความรู้สึกของมือเสียไป อาจมีอาการชาบริเวณไหล่หรือแขนขณะที่เคลื่อนไหวศีรษะ
๘) ข้อพิการ
ความพิการของข้อเกิดขึ้นจากการที่โครงสร้างของข้อเสียหาย และสิ่งที่ประกอบเป็นข้อถูกทำลายจากกระบวนการอักเสบของข้อ ข้อเล็กๆ บริเวณมือและเท้าเป็นตำแหน่งที่พบข้อพิการได้บ่อย โดยพบว่า ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ ๑๐ มีข้อพิการของข้อเล็กๆ ภายในระยะเวลา ๒ ปีของการเป็นโรค และข้อพิการเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป
๙) โครงสร้างข้อถูกทำลาย
การอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุข้อทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อบางลง และกระดูกที่อยู่ใกล้ข้อกร่อนแหว่ง ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้างข้อที่ถูกทำลาย ลักษณะทางคลินิกที่แสดงว่าโครงสร้างข้อถูกทำลายคือ รูปร่างของข้อเสียไป ข้อพิการ และมีการสูญเสียการทำงานของข้อ โครงสร้างที่เสียหายแล้วไม่สามารถกลับสู่สภาพปกติได้อีก และจะยิ่งเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ หลักฐานที่แสดงว่า มีการทำลายกระดูกอ่อนคือ ในการตรวจจะรู้สึกมีเสียงดังแกร๊กๆ เวลาเคลื่อนไหวข้อ หรือหากเอกซเรย์ จะพบช่องว่างระหว่างข้อหายไป
๑๐) กล้ามเนื้อที่อยู่รอบข้อลีบ
ประสิทธิภาพและกำลังของกล้ามเนื้อลดลง อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อไม่ได้สัดส่วนกับอาการข้ออักเสบ คือ กล้ามเนื้ออ่อนแรงมากเกินไป
๑๑) ตัวร้อน
เป็นอาการที่พบได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการข้ออักเสบหลายข้อและเป็นรุนแรง
๑๒) น้ำหนักตัวลดลง
เป็นอาการที่พบได้ในช่วงที่โรคยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหาร
๑๓) ประสิทธิภาพของร่างกายลดลง
ร่างกายทำงานได้น้อยลง การทำงานของร่างกายที่ต้องใช้ข้อมากทำให้ข้ออักเสบเป็นมากขึ้นจนผู้ป่วยบางรายต้องหยุดงาน และบางรายต้องเปลี่ยนอาชีพ เนื่องจาก ร่างกายทำงานหนักไม่ได้ การทำกิจวัตรประจำวันมีประสิทธิภาพที่ลดลง เช่น การแต่งตัว การเปิด-ปิดประตู การขึ้น-ลงบันได การเดินบนพื้นราบ การลุก-นั่ง
๓. อาการทางคลินิกนอกข้อ
โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์เป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย อาการนอกข้อเป็นได้กับอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย เช่น ผิวหนัง ตา ปอด ไต หัวใจ กระดูก ระบบประสาท ระบบโลหิตวิทยา อาการนอกข้อที่พบบ่อยที่สุด คือ ปุ่มรูมาทอยด์ พบได้ร้อยละ ๕ - ๒๐ ความชุกของอาการนอกข้อเป็นไปตามความรุนแรงของโรค และระยะเวลาที่ผู้ป่วยเป็นโรค
๑) ปุ่มรูมาทอยด์ (rheumatoid nodules)
เป็นอาการนอกข้อที่พบได้บ่อยที่สุด ในคนผิวขาวพบประมาณร้อยละ ๒๐ - ๓๐ ของผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ ส่วนในคนผิวเหลืองพบน้อยกว่าคนผิวขาว สำหรับประเทศไทยพบราวร้อยละ ๔ - ๑๐
ปุ่มรูมาทอยด์บริเวณข้อศอก
ปุ่มรูมาทอยด์เป็นปุ่มก้อนที่ผิวหนัง โดยจัดแบ่งได้เป็น ๒ ชนิด คือ ชนิดตื้น และชนิดลึก ส่วนตำแหน่งที่พบคือ ตำแหน่งกดทับ เช่น ข้อศอก ก้นกบ ศีรษะ ส้นเท้า มีลักษณะเป็นปุ่มเดียวหรือหลายปุ่ม ปุ่มมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓ - ๕ มิลลิเมตร ถึง ๒ - ๓ เซนติเมตร มักไม่เจ็บ ผู้ที่เป็นปุ่มรูมาทอยด์หลายปุ่ม มักเป็นโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ที่รุนแรงและเป็นมานาน ปุ่มรูมาทอยด์อาจเกิดขึ้นช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป หรือเกิดขึ้นทันทีทันใดก็ได้ และสามารถหายได้เอง โดยค่อยๆ ฝ่อตัวลงจนหายไปในที่สุด
๒) หลอดเลือดอักเสบ (vasculitis)
ลักษณะทางคลินิกของหลอดเลือดอักเสบในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับขนาดของหลอดเลือดและตำแหน่งที่เป็น มักเป็นหลอดเลือดขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
- หลอดเลือดอักเสบที่ผิวหนัง ได้แก่ รอยโรคที่ขอบเล็บเป็นผื่นนูนคลำรู้สึกได้ ผิวหนังเป็นแผลจากการขาดเลือด และอาการปลายนิ้วขาดเลือดจนเกิดนิ้วตาย
- หลอดเลือดอักเสบที่ตา ที่พบ ได้แก่ ตาขาวอักเสบ
- หลอดเลือดอักเสบที่หัวใจ ที่พบ ได้แก่ หัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตาย
หลอดเลือดอักเสบที่ปลายนิ้ว
๓) อาการทางตา
- อาการตาแห้ง พบบ่อยในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ เป็นอาการที่ค่อยเป็นค่อยไป และหายได้เองในระยะแรก แต่ในระยะหลังมักไม่หาย แพทย์ต้องคอยถามผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการตาแห้ง และเริ่มให้การรักษาเมื่อมีอาการ
- เยื่อชั้นบนตาขาวอักเสบ พบได้ที่ตาขาวด้านหน้า อาจเป็นหย่อมๆ หรือเป็นทั่วตา ผู้ป่วยมีความรู้สึกเคืองตา อาการมักเป็นชั่วคราวหรือเป็นสัปดาห์ แต่บางรายอาจเป็นนานหลายเดือน
- ตาขาวอักเสบ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าอาการตาแห้ง และอาจตามมาด้วยอาการปวดลูกตา ต่อมามีการตายของเนื้อเยื่อตาขาว
- ตาขาวบาง-ทะลุ มีอาการค่อยๆ เป็น โดยผู้ป่วยไม่มีอาการเจ็บ มีการทำลายเยื่อตาขาวอย่างช้าๆ จนเยื่อตาขาวบางลงและทะลุ พบในตำแหน่งด้านบนของลูกตาด้านหน้า
๔) ระบบหายใจและปอด
- การอักเสบของข้อต่อกล่องเสียง เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ มีอาการ ได้แก่ เจ็บคอ เสียงแหบ เจ็บเวลากลืนอาหาร อาการมักเป็นมากในตอนเช้า และดีขึ้นในช่วงสาย
- เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้า-ออก จากการตรวจผู้ป่วยเมื่อเสียชีวิตแล้วพบว่ามีอาการเยื่อหุ้มปอดหนาร้อยละ ๕๐ อาการเยื่อหุ้มปอดหนา และเยื่อหุ้มปอดอักเสบทั้งสองข้างร้อยละ ๒๕ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการ แต่ตรวจพบมีน้ำในช่องปอดจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ ซึ่งน้ำในช่องปอดมีลักษณะเฉพาะ ได้แก่ ระดับน้ำตาลต่ำ โปรตีนสูง เม็ดเลือดขาวน้อยกว่า ๕๐๐ เซลล์/ลูกบาศก์มิลลิเมตร
- พังผืดแทรกในปอด การตรวจทางเอกซเรย์ของผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์พบพังผืดแทรกบริเวณฐานปอด โดยในระยะแรกมักไม่มีอาการ แต่ถ้าเป็นมาก พังผืดจะแทรกทั่วปอด ทำให้มีอาการเหนื่อยหอบได้
- ปุ่มในเนื้อปอด พบได้ประมาณร้อยละ ๓๐ ปุ่มก้อนที่พบในเนื้อปอดมีอันเดียวหรือหลายอัน ปุ่มใกล้เยื่อหุ้มปอดจะพบน้อย
๕) หัวใจ
- เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ พบได้บ่อย และผู้ป่วยไม่มีอาการ มักพบจากการตรวจเมื่อผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ที่เสียชีวิตจากหลอดเลือด เชื่อว่า เป็นผลจากการที่หลอดเลือดแดงแข็งตัวก่อนเวลาจากการเป็นโรคเรื้อรัง หรือมีหลอดเลือดอักเสบ ซึ่งจากการบันทึกภาพของหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (echocardiography) พบว่าผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจมากกว่าปกติ (pericardial effusions) ได้เกือบร้อยละ ๕๐ ทั้งๆ ที่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ นอกจากนี้ยังอาจมีปุ่มรูมาทอยด์เกิดที่กล้ามเนื้อหัวใจและลิ้นหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ
๖) ระบบประสาท
อาการทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มีพื้นฐานจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- กระดูกสันหลังคอไม่มั่นคง
- เส้นประสาทถูกกดทับ
- หลอดเลือดอักเสบทำให้เกิดเส้นประสาทเส้นเดียวอักเสบแบบซับซ้อน
อาการทางระบบประสาทที่พบบ่อยในผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์มานาน คือ มือทั้งสองข้างมีอาการชาและอ่อนแรง
๗) ระบบโลหิตวิทยา
- ภาวะโลหิตจาง หรืออาการซีดที่พบบ่อยในโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ เป็นแบบเม็ดเลือดแดงขนาดปกติและสีปกติ ผู้ป่วยร้อยละ ๗๕ เป็นผลจากการเป็นโรคเรื้อรัง และร้อยละ ๒๕ เป็นผลจากการขาดธาตุเหล็ก บางส่วนอาจมีผลจากการขาดวิตามินบี ๑๒ ร่วมด้วย
- ภาวะเกล็ดเลือดมาก มักเกิดขึ้นในขณะที่โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์อยู่ในระยะกำเริบ โดยเกล็ดเลือดที่มีจำนวนมากนี้มักมีอายุการทำงานสั้นกว่าปกติ
- ต่อมน้ำเหลืองโต อาจพบในตำแหน่งที่สามารถคลำได้เพราะอยู่ใกล้ผิวหนัง และตำแหน่งที่ไม่สามารถคลำได้เพราะอยู่ในส่วนลึกของร่างกาย ตำแหน่งที่พบบ่อย คือ เหนือศอก รักแร้ และคอ ซึ่งจากการตรวจทางกล้องจุลทรรศน์มักพบเป็นต่อมน้ำเหลืองที่ขยายตัวขึ้น
- กลุ่มอาการเฟลตี เป็นกลุ่มอาการที่มีอาการของโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์เรื้อรัง ม้ามโต และเม็ดเลือดขาวต่ำ จำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำกว่า ๒,๐๐๐ เซลล์/ลูกบาศก์มิลลิเมตร พบในผู้ป่วยที่มีอาการนอกข้อรุนแรง ได้แก่ ปุ่มรูมาทอยด์ น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองโต มีแผลที่ขา เยื่อหุ้มปอดอักเสบ และผิวหนังมีสีเข้มขึ้น
๘) ไต
อาการทางไตจากโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์พบน้อยมาก มักพบเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงของยาบางชนิด ที่สำคัญคือ ภาวะแอมีลอยโดสิสที่พบ ร่วมกับหลอดเลือดอักเสบและการติดเชื้อ เป็นภาวะที่คุกคามชีวิต ความผิดปกติของไตคือ มีโปรตีนมากในปัสสาวะ บางรายการทำงานของไตเสียไป เกิดภาวะไตวาย นอกจากนี้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ยังสามารถทำให้การทำงานของไตเสียได้