ชีพจักรแมลงครั่ง แมลงครั่งออกลูกเป็นไข่ก่อน แล้วจึงฟักเป็นตัวอ่อน มีการเจริญเติบโตที่เรียกว่า แบบครบ ๔ ขั้น (complete metamorphosis) เป็นไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวแก่ ตามลำดับ ตัวเมียมีอายุครอกละประมาณ ๖ เดือน ปีหนึ่งจึงสืบพันธุ์ได้ ๒ ครอก การแพร่พันธุ์นั้น เกิดจากตัวอ่อน (larva) ซึ่งฟักออกจากไข่ เมื่อแข็งแรงแล้วก็จะออกจากรังตัวเมีย เพื่อหาอาหารคือ น้ำเลี้ยงต้นไม้ ดำรงชีวิตต่อไป ครั่งตัวเมียที่สมบูรณ์ให้ลูกครอกละ ๒๐๐-๕๐๐ ตัว ตัวอ่อนมีลักษณะเป็นจุดโตเท่าปลายเข็มหมุด สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า มันจะเคลื่อนไหวได้ช้าๆ ลูกครั่งเมื่อออกจากซากรังแม่ครั่งแล้ว ก็จะไต่คลานสับสนไปมาตามกิ่งไม้ เพื่อหาบริเวณกิ่งตอนที่เปลือกนิ่ม และบางอ่อนนุ่ม จะพบตัวอ่อนอาศัยอยู่ประมาณ ๒-๓ วัน ตัวอ่อนที่เห็นว่า บริเวณตอนใดมีกิ่งเหมาะสม ก็เอางวงไชลงไปในท่ออาหารของเปลือกไม้จนถึงทางเดินน้ำเลี้ยง แล้วก็อาศัยดูดกินเป็นอาหารของเปลือกไม้จนถึงทางเดินน้ำเลี้ยง แล้วก็อาศัยดูดกินเป็นอาหารโดยไม่เคลื่อนย้ายต่อไปอีก
ตัวอ่อนจะเกาะรวมกันอยู่เป็นกลุ่มๆ ตามกิ่งไม้ เป็นหมู่ๆ ลำตัวเบียดชิดกัน ความยาว ๑ ฟุต เกาะเรียงกันอยู่ประมาณ ๑๐๐-๕๐๐ ตัว ครั่งจะจับที่กิ่งสด นิ่มอวบอ่อนดีเสียก่อน บริเวณด้านล่างของกิ่งทางทิศตะวันออก ครั่งชอบจับมาก ส่วนบริเวณอื่นๆ นอกจากนี้ ครั่งจะจับทำรังภายหลัง แล้วแมลงครั่งจึงเริ่มขับระบายยางครั่ง (lac resin) แมลงครั่งดูดกินเลี้ยงต้นไม้ แล้วจะกลั่นยางครั่งออกมาทำรังห่อหุ้มเป็นเกราะป้องกันอันตรายแก่ตัวเอง ยางครั่งที่ขับระบายออกมาจากต่อมมีลักษณะเหนียว เป็นสีเหลืองทอง เมื่อถูกอากาศก็จะแข็งแรง และมีน้ำตาลทับถมซ้อนกันภายในทุกวันจนหนา ตัวอ่อนที่อยู่ภายในเจริญเติบโตขึ้น รูปร่างลักษณะที่เป็นแมลงจะเปลี่ยนแปลงไป และรังมีลักษณะกลมๆ ส่วนยางครั่งที่ขับระบายนั้นพอกพูนหนา และเชื่อมติดกันกับผนังครั่งอื่นๆ และหุ้มกันยาวออกไป บางทีวนจนรอบกิ่งไม้ ต่อมาประมาณ ๒ เดือน รังครั่งจะแตกต่างกันเป็นลักษณะของรังตัวผู้กับรังตัวเมีย รังตัวเมียจะกลม รังตัวผู้จะยาวรูปบุหรี่ซิการ์ อัตราส่วนครั่งตัวผู้กับครั่งตัวเมีย ประมาณ ๓๐ : ๗๐ | |||
แมลงครั่งตัวเมียอายุต่างๆ กัน (ตัวอ่อน-ตัวแก่) | |||
ด้านบนของรังครั่งตัวเมีย ประกอบด้วยช่องผสมพันธุ์ และใช้เป็นช่องขับถ่ายด้วย (anal tubercular pore) และอีก ๒ ช่อง ซึ่งเล็กกว่า เป็นช่องใช้หายใจ อยู่ทางด้านข้าง ที่ช่องทั้ง ๓ นี้จะมีขนขี้ผึ้งสีขาว (waxy white filament) ยื่นออกมารวมกันเป็นกระจุกๆ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ช่องทั้ง ๓ นี้เปิดไม่มียาครั่งมาอุดปิดเลย ฉะนั้น เมื่อมองดูรังครั่งที่จับตามกิ่งไม้ จึงเห็นเป็นสีขาวอยู่ ซึ่งใช้สังเกตว่า ครั่งยังมีชีวิตอยู่ | |||
แมลงครั่ง | ด้านบนของรังครั่งตัวผู้จะมีช่องกลมๆ ๑ ช่องเป็นทางสำหรับให้แมลงครั่งตัวผู้ ที่ถึงวัยผสมพันธุ์ออกไปผสมพันธุ์กับแมลงครั่งตัวเมีย ที่อยู่ในรัง | ||
ตัวอ่อนเมื่อมีอายุ ๖-๘ สัปดาห์ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปจากลักษณะเดิมมาเข้าเป็นวัยตัวแก่สมบูรณ์ต่อไป ปริมาณยางครั่งระยะนี้ยังมีน้อย |
แมลงครั่งตัวผู้ เมื่อแก่ถึงวัยผสมพันธุ์ จะออกไปผสมพันธุ์ ฤดูผสมพันธุ์ของครั่งมีประมาณ ๑ เดือนเศษ ครั่งตัวผู้ เมื่อพร้อมที่จะผสมพันธุ์ได้ก็จะคลานออกมาจากรังทางด้านบนที่มียางครั่งบางๆ ปิดอยู่ (trap door) ขนาดของครั่งตัวผู้ที่แก่สมบูรณ์มีสีแดง ขนาดโตเป็น ๒ เท่าของลูกครั่ง จะมีได้ทั้งชนิดมีปีก และไม่มีปีกอยู่ปะปนกัน ครั่งตัวผู้จะไต่ไปที่รังครั่งตัวเมียแล้วผสมพันธุ์ โดยใช้อวัยวะสืบพันธุ์สอดเข้าไปตามช่องผสมพันธุ์ พวกครั่งตัวผู้ที่มีปีก สามารถบินไปผสมพันธุ์กับครั่งตัวเมียตามกิ่งไม้อื่น หรือต้นไม้อื่นๆ ได้ เมื่อครั่งตัวผู้ผสมพันธุ์แล้ว จะตายไปภายใน ๒-๓ วันต่อมาเท่านั้น | แมลงครั่งอายุประมาณ ๒ เดือน |
บางครั้งจะพบว่า ครั่งตัวเมียที่ไม่ได้รับการผสมพันธุ์จะมีลูกสืบพันธุ์ได้เอง และลูกหลานที่เกิดมา ก็สามารถให้ยางครั่งได้ดี ไม่แตกต่างกันจากลูกครั่งที่เกิดจากการผสมพันธุ์ และยังมีปริมาณลูกครั่งที่เกิดมีทั้งตัวเมีย และตัวผู้เป็นอย่างปกติอีกด้วย ครั่งตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์ แล้วระบายยางครั่งมาพอกพูนทำรังอย่างขนานใหญ่ รังครั่งจะหนาและโตอย่างรวดเร็ว จนผนังรังเชื่อมติดกัน และรังครั่งจะมีลักษณะสีเหลืองแก่คล้ำ บางทีกลับหุ้มทับรังตัวผู้ตายไปแล้วด้วย ส่วนขนขี้ผึ้งนั้น ยังคงเจริญเติบโตยาวออกไปข้างนอกรังมากขึ้น เมื่อนำรังคลั่งมาผ่าจะเห็นครั่งตัวเมียมีลักษณะเปลี่ยนแปลงจากแมลงทั่วๆ ไปคือ ตา ๒ ตา จะหายไป ลำตัวจะสั้นและกลมคล้ายไข่ ส่วนอวัยวะภายในร่างกายยังคงทำหน้าที่ย่อยอาหารซึ่งได้แก่ น้ำเลี้ยงของต้นไม้ ทึ่งวงของครั่งดูดมาจากต้นไม้ ให้เป็นอาหารสำเร็จรูป นับเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกรรมวิธีเคมี (biochemical process) ยางครั่งใช้ห่อหุ้มตัวครั่ง ส่วนวัตถุในตัวครั่งเป็นของเหลวมีสีแดงสามารถละลานย้ำได้ ซึ่งจะได้สีแดง ส่วนถุงหนังรูปไข่ ที่เป็นผิวตัวครั่งเป็นไคติน (chitin) มีสีแดง ไม่ค่อยละลายในน้ำ เนื้อครั่งที่เป็นรังห่อหุ้มตัวครั่ง ประกอบด้วยสารหลายชนิดผสมกัน เกิดเป็นยางครั่ง ซึ่งไม่แข็ง แต่คงรูปร่างได้ดี ยืดขยายตัวได้ตามขนาดตัวครั่ง ยางครั่งที่ระบายจากครั่งจะพอกพูนซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ จากภายใน ส่วนที่ระบายมาก่อนอยู่ชั้นบน และชั้นที่อยู่ผิวภายนอกจะแข็ง เป็นเกราะป้องกันความร้อนจากแสงแดด ป้องกันศัตรู และรักษาอุณหภูมิให้คงที่ เพื่อให้ไข่ฟักเป็นตัว ขนขี้ผึ้งจะงอกออกเป็นเส้นอย่างเส้นไหมยาวออกมาตามอายุครั่งที่เจริญ บางเส้นก็ถูกยางครั่งห่อหุ้มปะปนกันเป็นรังครั่งไปด้วยก็มี นอกจากนี้ตัวครั่งยังขับน้ำหวานเหนียวข้นอย่างน้ำเชื่อมออกมา เป็นหยดทางช่องผสมพันธุ์ตกเรียราดหมักหมมตามกิ่ง ใบไม้ และบนพื้นดินเกิดเป็นราดำ (black fungi) พวกมดจะพากันไต่ตอมไปตามรังครั่ง เพื่อกินน้ำหวานเป็นอาหาร ต้นไม้ใดที่มีสีดำตามใบ ตามลำดับและตามกิ่ง มองดูแล้วมีสีขาว แสดงว่า เป็นต้นไม้ที่มีรังครั่งจับทำรังอยู่ |
ต้นพุทราที่ใช้เลี้ยงครั่ง | ครั่งตัวเมียที่แก่เต็มที่ เมื่อตรวจดูผิวภายนอกของรังครั่ง จะพบจุดสีเหลืองส้ม อยู่ที่ช่องผสมพันธุ์ระหว่างช่องขับถ่าย จุดนี้จะขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน เพราะเหตุว่า ตัวครั่งที่อยู่ภายในรังหดตัวเล็กลง มีช่องว่างเกิดระหว่างตัวครั่งกับผนังรังครั่ง สำหรับให้อากาศถ่ายเทความร้อน รักษาอุณหภูมิให้พอเหมาะสำหรับไข่ฟักตัวเป็นตัวอ่อน เมื่อตัวอ่อนคลานออกมาทางช่องสืบพันธุ์เป็นหมู่ๆ เป็นการย้ายรังใหม่ ใช้เวลาประมาณ ๒-๓ สัปดาห์ แต่จะมีเพียง ๓-๔ วันเท่านั้นที่ลูกครั่งคลานออกมามากที่สุด การตัดเก็บครั่งลงจากกิ่งไม้ เพื่อทำพันธุ์ ควรตัดก่อนที่ตัวอ่อนจะฟักเป็นตัวออกมา ประมาณ ๗ วัน ถ้าหากนานกว่านี้ตัวอ่อนจะตายในซากรังเก่า หรืออ่อนแอ แต่ถ้าตัดเมื่อตัวอ่อนออกจากรังไปแล้ว ก็จะได้ตัวอ่อนจำนวนน้อย |
ปริมาณการผลิตครั่ง ในรอบหนึ่งชีวิตของตัวครั่ง ตัวเมียจะระบายยางครั่งได้ ประมาณ ๑ : ๑๐,๐๐๐ ออนซ์ ชนิดต่างๆของพันธุ์ครั่ง ชนิดพันธุ์ครั่งแตกต่างกันไป ตามท้องถิ่นที่เกิดของครั่ง ประเทศอินเดียมีพันธุ์ใหญ่อยู่ ๒ พันธุ์ คือ ครั่งพันธุ์สำหรับเลี้ยงกับไม้ตะคร้อ ใช้เลี้ยงได้กับไม้ตะคร้อแล้วให้ครั่งดีมีคุณภาพสูง ได้ราคา รังครั่งหนา ปริมาณมาก สีครั่งอ่อนใส และอีกพันธุ์ หนึ่ง ซึ่งประเทศไทยก็มีและมีทั่วไป เรียกว่า ครั่งพันธุ์สามัญ เลี้ยงได้กับไม้อื่นๆ นอกจากไม้ตะคร้อ แต่ให้ปริมาณครั่งน้อย รังครั่งบางสีแก่เข้ม ไม่ได้ราคาในตลาด รูปร่างตัวครั่งก็เล็ก กว่าครั่งพันธุ์ที่เลี้ยงกับไม้ตะคร้อ นอกจากนี้ในประเทศไทยและอินโดจีน ยังมีครั่งอีก พันธุ์หนึ่งซึ่งแตกต่างจากประเทศอินเดีย ครั่งชนิดนี้ผลิตครั่งได้มาก รังครั่งหนาดี แต่มีสีเข้มเกือบดำ ราคาในตลาดต่ำกว่า ครั่งอินเดีย |