เล่มที่ 9
การทำแท้ง
สามารถแชร์ได้ผ่าน :

สาเหตุของการทำแท้งผิดกฎหมาย

            ถึงแม้การตั้งครรภ์จะเป็นเรื่องของธรรมชาติของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายก็ตาม สำหรับมนุษย์นั้นมีเพียงร้อยละ ๒๐ เท่านั้นที่จงใจ ตั้งใจ หรือมีแผนการจะให้ตั้งครรภ์ เพื่อจะได้ลูกไว้สืบตระกูล นอกนั้นเป็นการตั้งครรภ์โดยบังเอิญ แบบที่เรียกว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ที่ร้ายแรง และเป็นปัญหาที่สุด ได้แก่ การตั้งครรภ์ในคนที่ไม่ต้องการลูก กลุ่มที่ตั้งครรภ์โดยบังเอิญนี้ นอกจากจะไม่ยอมรับการตั้งครรภ์แล้ว ยังพยายามทุกวิถีทาง เพื่อทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง

            ปฏิกิริยาที่เกิดกับผู้ตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจเกิดได้หลายแบบอย่างด้วยกัน บางคนเมื่อประจำเดือนเกินกำหนดก็กินยาชุดขับประจำเดือน ความจริงยาขับประจำเดือนจะได้ผลก็ต่อเมื่อหญิงผู้นั้นมิได้ตั้งครรภ์เท่านั้น ถ้าตั้งครรภ์จริง แม้จะรับประทานยานี้หลายๆ ชุดก็มักจะไม่ได้ผล บางคนนำปัสสาวะไปตรวจ เพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ บางคนเพียงแต่เล่าอาการให้เพื่อนๆ ฟัง บางคนก็รอจนท้องโตคลำมดลูกได้ทางหน้าท้อง รายที่น่าระอาที่สุด คือรายที่ปล่อยตัวไว้จนรู้สึกเด็กดิ้น จึงรู้ว่า ตนเองตั้งครรภ์

            เมื่อทราบแน่ชัดว่า ตนเองตั้งครรภ์ บางคนจะปรึกษาแพทย์ตามโรงพยาบาล หรือคลินิก เพื่อขอให้แพทย์ทำแท้งให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการปฏิเสธ นอกจากจะปฏิเสธการทำแท้งแล้ว แพทย์มักจะอธิบายชี้แนะให้ตระหนักถึงอันตรายของการทำแท้ง เนื่องจากผู้ตั้งครรภ์ และผู้เกี่ยวข้องคิดว่า ผลเสียของการตั้งครรภ์มีมากกว่าอันตรายจากการทำแท้ง ในที่สุดจึงเลือกสถานที่ลักลอบทำแท้งที่มีอยู่มากมายทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด สถานที่ดังกล่าวนี้มักจะอยู่ลึกลับไม่เปิดเผย หรือไม่ก็อาศัยการทำคลินิกบังหน้า ราคาค่าบริการก็แตกต่างกัน แทบทุกแห่งอาจจะต่อรองราคากันได้

            สาเหตุของการทำแท้งเท่าที่รวบรวมจากโรงพยาบาลศิริราช และวชิรพยาบาล พอจะแบ่งออกเป็น๒ กลุ่ม คือ หญิงโสด กับหญิงที่แต่งงานแล้ว

            หญิงโสดมักจะทำแท้ง เนื่องจากตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน และมีอุปสรรคขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถแต่งงานกับชายที่เป็นบิดาของเด็กได้ อาจเป็นเพราะทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังเป็นนักเรียน ฝ่ายชายไม่ยอมรับ พ่อแม่ไม่ยอมรับบางรายก็ขัดกับอาชีพ เช่น อาชีพหญิงบำเรอ หญิงบริการอาบอบนวด พาร์ตเนอร์ตามไนต์คลับ หรือสถานเริงรมย์ เป็นต้น

            สำหรับหญิงที่แต่งงานแล้ว อ้างเหตุผลหลายประการ ประการที่สำคัญที่สุดคือ ปัญหาทางเศรษฐกิจ รายได้ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตร ประการที่สอง เกี่ยวกับความไม่พร้อมที่จะมีบุตร หรือมีบุตรมากเกินไป เท่าที่พบเห็นมักจะทั้งสองอย่างประกอบกัน คือ ทั้งยากจน และมีบุตรมาก อาศัยอยู่ตามชุมชนแออัด ประการที่สามคือ ความแตกร้าวภายในครอบครัว เช่น มีสามีที่ขาดความรับผิดชอบ เป็นภรรยาน้อย หรือภรรยาลับ เลิกกับสามี ฯลฯ นอกนั้นเป็นเหตุผลย่อย เช่น ขัดต่ออาชีพของนักร้องนักแสดง หญิงบริการ บางคนกลัวการคลอด เพราะเคยคลอดยากมาก่อนก็มี

วิธีทำแท้ง

            วิธีทำแท้งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน การเลือกวิธีใด วิธีหนึ่งก็โดยอาศัยอายุครรภ์หรือขนาดของมดลูกเป็นหลัก ถ้าเป็นวิธีทำแท้ง เพื่อการรักษาที่กระทำโดยแพทย์ ก็พอจะแบ่งได้ ๖ วิธีใหญ่ๆ คือ

            ๑. การปรับประจำเดือน เป็นวิธีที่ใช้ในครรภ์ ไม่เกิน ๖ สัปดาห์ หรือคิดง่ายๆ แบบชาวบ้านก็คือ ทำ เมื่อประจำเดือนเกินกำหนดไป ๒ สัปดาห์ วิธีนี้ใช้กัน มากในกลุ่มของนักวางแผนครอบครัว

วิธีนี้กระทำโดยสอดส่องท่อพลาสติกเล็กขนาดเส้น รอบวง ๔-๘ มิลลิเมตร เข้าไปในโพรงมดลูกโดยผ่านทางช่องคลอด และปากมดลูกตามลำดับ ต่อปลายท่อ พลาสติกด้านนอกเข้ากับกระบอกฉีดยาชนิดใหญ่พิเศษ เมื่อปล่อยล็อค แรงดูดจะดูดเอารกและเด็กออกหมด เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่เกิน ๕ นาที

            ๒. การขูดมดลูก เป็นวิธีเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ แต่ก็ยังใช้แพร่หลายและได้ผลดี แต่ควรเลือกทำ ในรายที่มดลูกมีขนาดโตไม่เกินอายุครรภ์ ๑๔ สัปดาห์ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือถ่างขยายปากมดลูกก่อนการขูด ดังนั้น ผู้ป่วยจะเจ็บปวดมาก ถ้าไม่ฉีดยาชา หรือได้รับยาสลบก่อนการขูด

            ๓. การใช้เครื่องดูดสุญญากาศ ใช้ทำแท้งใน อายุครรภ์ไม่เกิน ๑๒ สัปดาห์ เป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะที่โรงพยาบาลรัฐบาลหลายแห่ง ยังไม่มีเครื่องมือทำแท้งชนิดนี้ เครื่องมือนี้กลับไปแพร่หลายอยู่ตามคลินิกทำ แท้งเถื่อนเกือบทุกแห่ง ทั้งนี้เพราะความง่าย สะดวก รวดเร็ว และปราศจากความเจ็บปวดนั่นเอง

เครื่องดูดสุญญากาศนี้มีลักษณะคล้ายกับเครื่องมือปรับประจำเดือน ใช้ท่อพลาสติกสอดผ่านช่องคลอด เข้าโพรงมดลูกเหมือนกัน แต่ท่อพลาสติกด้านนอกนั้น ยาวกว่า เมื่อต่อกับเครื่องดูดสุญญากาศไฟฟ้าแล้วก็จะ ดูดสิ่งต่างๆ ในโพรงมดลูกออกหมด

            ๔. การฉีดน้ำเกลือเข้มข้นเข้าถุงน้ำหล่อเด็ก เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับรายที่มดลูกโต จนคลำได้ชัดเจน ทางหน้าท้องแล้ว คือ เมื่ออายุครรภ์ประมาณ ๑๖ สัปดาห์ ขึ้นไป ใช้น้ำเกลือเข้มข้น ๒๐% ที่ผลิตใหม่ๆ จำนวนประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ มิลลิลิตร ฉีดเข้าไปในถุงน้ำหล่อเด็ก โดยใช้เข็มขนาดใหญ่เจาะผ่านผนังหน้าท้อง เด็กก็จะแท้งออกเองภายหลังให้น้ำเกลือ ๖-๔๘ ชั่วโมง

            ๕. การผ่าเอาเด็กออกทางหน้าท้อง ปัจจุบัน ไม่นิยมทำกันเพราะมีวิธีอื่นที่สะดวกและปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังคงมีทำในบางราย เช่น ผู้ป่วยปัญญาอ่อน ที่ต้องการตัดมดลูกออกด้วย เพื่อตัดปัญหายุ่งยากขณะมีประจำเดือน หรือในผู้ป่วยบางราย ที่ต้องการผ่าตัดทำหมันด้วย

            ๖. การใช้ยาพวกพรอสตาแกลนดินส์ (prostaglandins) ยาประเภทนี้มีฤทธิ์ทำให้มดลูกบีบรัดตัวและเกิดการแท้ง ตัวยามีหลายชนิด คือ ชนิดเหน็บช่องคลอด ชนิดรับประทาน ชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการแท้งได้แน่นอน โดยเฉพาะในครรภ์อ่อนๆ แต่อาการแทรกซ้อนของยานี้มีมาก เช่น อาการอาเจียนและท้องเดิน รวมทั้งอาการเจ็บปวดมดลูกอย่างรุนแรงด้วย ขณะนี้กำลังคันคว้าวิจัยเพื่อสกัด ตัวยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะตัวมดลูกเท่านั้น คาดว่า อีกไม่นานวิธีนี้จะเป็นที่นิยมแพร่หลายเพราะไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วย

สำหรับวิธีทำแท้งตามวิธีของหมอเถื่อนมีหลายวิธี ตามความนิยมมากน้อยดังนี้

            ๑. การสวนน้ำยาเข้าโพรงมดลูก โดยผ่านท่อ ยางเล็กๆ เข้าทางปากมดลูก แล้วฉีดสารเหลวบางชนิด สารเคมี น้ำสบู่ ด่างทับทิม แอลกอฮอล์ น้ำมันเบนซิน สารเหลวเหล่านี้เป็นของแปลกปลอมที่ค่อนข้างสกปรก มีผลให้เด็กตายพร้อมๆ กับมีการอักเสบติดเชื้อ มดลูกจึงบีบรัดตัว เกิดการตกเลือด และมีการแท้งติดตามมา

ขบวนการแท้งโดยวิธีนี้ค่อยเป็นค่อยไป เลือด ออกไม่มาก แต่กลไกที่ทำให้เกิดการแท้งอาจเป็นเพราะความสกปรกหรือสารเคมี ทำให้เด็กตายและทำให้แท้ง โดยทั่วไปเด็กจะตายจากการอักเสบติดเชื้อ ซึ่งเชื้อโรคนี้ค่อนข้างรุนแรง ถ้ารักษาไม่ทัน ตัวผู้ถูกทำแท้งเองมักจะตาย ก่อนที่จะมีการแท้งด้วยซ้ำไป

            ๒. การทำให้ถุงน้ำหล่อเด็กแตก กระทำโดยสอดท่อโลหะขนาดเล็กๆ อาจจะเป็นท่อสวนปัสสาวะ หรือเครื่องมือที่ใช้วัดความลึกของโพรงมดลูก สอดเข้าทางปากมดลูก ผ่านทะลุถุงน้ำหล่อเด็ก จนถุงน้ำหล่อเด็กแตก เมื่อขาดน้ำหล่อเลี้ยง เด็กก็จะตาย เกิดปฏิกิริยาของการแท้ง ซึ่งก็มีโอกาสจะเกิดการอักเสบติดเชื้อเช่น เดียวกับวิธีแรก เพราะขบวนการแท้งของวิธีนี้ค่อนข้างช้า

            ๓. การสอดใส่วัสดุแปลกปลอมไว้ในโพรงมดลูก ที่พบบ่อย ได้แก่ สอดสายยางสำหรับสวนปัสสาวะ เข้าไปขดงออยู่ในโพรงมดลูก บางแห่งอัตคัตสายยาง ถึงกับใช้กิ่งไม้ขนาดเล็ก หรือหญ้าปล้องแทน ระยะ เวลาที่มดลูกหดรัดตัวเพื่อขับไล่วัสดุแปลกปลอมออก จากโพรงมดลูกนั้นใช้เวลานาน จึงทำให้เกิดการแท้งค้าง แต่อันตรายที่สำคัญก็คือ การอักเสบติดเชื้อเช่นเดียวกัน

            ๔. การกระตุ้นเชิงกลอย่างรุนแรงที่มดลูก การ บีบนวดเป็นวิธีทำแท้งที่แพร่หลายในทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือ เริ่มด้วยการให้ผู้ป่วย นอนหงายชันเข่า หนุนก้นให้สูง ใช้มือยกมดลูกให้ลอย ขึ้นและบีบให้ "ก้อนเลือด" แตก บางรายใช้ส้นเท้ายัน บริเวณปากช่องคลอดด้วย โดยอ้างว่าจะช่วยให้มดลูกลอยตัวขึ้น วิธีนี้เลือดอาจจะออกภายในวันแรก หรือ บางรายก็อาจต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง

            ๕. การใช้ยาบีบมดลูก โดยฉีดหรือรับประทาน ยาพวกเออร์กอต (ergot) ขนาดมากและติดต่อกันหลายวัน วิธีนี้มีอัตราล้มเหลวมากกว่าวิธีอื่น ที่จังหวัดทางภาคใต้ บางแห่งมีวิธีเสกหมากให้หญิงตั้งครรภ์เคี้ยว และกลืนลงไปเลย เล่ากันว่า จะแท้งภายใน ๑-๗ วัน เป็นส่วนใหญ่