เล่มที่ 9
การทำแท้ง
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
ทางเลือกของผู้ตั้งครรภ์ที่ไม่ต้องการบุตร

            เมื่อเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่พึงปรารถนา คงจะไม่มีทางออกอื่นใดดีไปกว่าการทำแท้ง เนื่องจาก กฎหมายของบ้านเมืองเราอนุญาตให้ทำแท้งได้ ด้วยเหตุผล ทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนเหตุผลทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งคนส่วนใหญ่ประสบอยู่นั้น กฎหมายไม่อนุญาต ให้ทำแท้ง ด้วยเหตุนี้ผู้ตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนาจึงยอมเสี่ยงต่ออันตราย โดยยินยอมให้หมอเถื่อนทำแท้ง อันตรายจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้กระทำ รวมทั้งกรรมวิธี ของการกระทำด้วย นอกจากนั้นยังขึ้นกับตัวผู้ตั้งครรภ์เอง ถ้าครรภ์แก่เท่าใดอันตราย ก็มากขึ้นเท่านั้น

            ถึงแม้การลักลอบทำแท้งจะผิดกฎหมายก็ตาม แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้ จำนวนของผู้ตั้งครรภ์ไม่ต้องการ บุตรเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา จึงมีการเพิ่มของสถานที่ ทำแท้ง เพื่อสนองความต้องการของสังคม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ราคาค่าบริการก็แตกต่างกันมาก เท่าที่ได้ศึกษาผู้ป่วยที่เคราะห์ร้ายจากการทำแท้งจำนวนมาก พบว่า ยิ่งเสียค่าบริการทำแท้งถูกเท่าไร ผลแทรกซ้อน จากการทำแท้งก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้เพราะผู้กระทำแท้ง ระดับค่าบริการต่ำ ขาดความรู้ทางการแพทย์ แทนที่จะทำแท้งให้เสร็จสิ้นในเวลาสั้นก็กลับใช้วิธีชักนำให้เกิด การแท้ง โดยฉีดสารสกปรกเข้าโพรงมดลูก แล้วแนะนำ ให้ผู้ป่วยไปโรงพยาบาล เมื่อมีอาการตกเลือด ปวดท้อง มีไข้

            ในฐานะสูติแพทย์ เมื่อมีหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่พึง ปรารถนามาปรึกษาในเชิงขอทำแท้ง แต่ก่อนก็มักจะอบรม ชี้แจง และสั่งสอน ให้ทราบถึงผลเสียของการทำแท้ง รวมถึงบาป บุญ คุณ โทษ ของการทำลายเด็กในครรภ์ วันเวลาผ่านไปจึงพบความจริงว่า ไม่มีผู้ป่วยคนใดกระทำตามคำแนะนำของผู้เขียนเลย ทั้งนี้ก็เพราะผู้ป่วยเหล่านั้นคิดว่าการตั้งครรภ์มีผลเสียมากกว่าการทำแท้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นในระยะหลังๆ นี้ เมื่อมีผู้เดือดร้อนมาปรึกษา ผู้เขียนมักจะแนะนำสถานที่ทำแท้งที่คิดว่า มีความปลอดภัยพอสมควร แม้ว่าราคาค่าบริการ จะค่อนข้างแพงก็ตาม
            อย่างไรก็ดี เมื่อยังไม่พร้อมที่จะมีบุตรก็ควรจะ หาวิธีป้องกันไม่ให้มีการตั้งครรภ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำแท้ง ที่เป็นทางออกที่เสี่ยง ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง อนาคต และชีวิต การเรียนรู้วิธีวางแผนครอบครัวและปฏิบัติ ตามอย่างถูกต้องจะป้องกันปัญหานี้

            ปัญหาที่น่าเป็นห่วงก็คือ การตั้งครรภ์ในหญิง โสด โดยเฉพาะในเด็กวัยศึกษาเล่าเรียน ขนบธรรมเนียมที่ดีของคนไทยแต่กาลก่อน เกี่ยวกับการรักษาความบริสุทธิ์ของหญิงสาว ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ดูจะล้าสมัย ไม่ทันยุคสมัยของวัยรุ่นที่ปล่อยตัวปล่อยใจ ชอบมั่วสุม กันอยู่ตามสถานที่ที่ไม่ควรอยู่ แทนการศึกษาหาความรู้ เพื่ออนาคตของตนเอง ประพฤติตามแบบอย่างที่ไม่ดีของชาวตะวันตก ในที่สุดเมื่อฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ ฝ่ายชายก็ไม่รับผิดชอบ ผู้ที่เดือดร้อนก็คือ พ่อแม่ของฝ่ายหญิง ส่วนผู้ที่เจ็บตัวก็คือฝ่ายหญิงนั่นเอง

            สำหรับนักเรียนนักศึกษานั้น ส่วนใหญ่มีความ ประพฤติดี แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เห็นผิดเป็นชอบ ดังนั้น การสอนเพศศึกษาในชั้นเรียนตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น น่าจะมีประโยชน์มากกว่าการปล่อยให้เรียนรู้เองจากธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะสายเกินแก้