เล่มที่ 2
การจำแนกและจัดลำดับหมวดหมู่ของสัตว์
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
ประวัติของการจำแนกและจัดหมวดหมู่ของสัตว์

            ประวัติศาสตร์ของการจำแนก และจัดหมวดหมู่ของสัตว์ อาจจะแบ่งออกได้เป็นสมัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

สมัยแรก-สมัยที่ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์เฉพาะท้องถิ่น

            ประวัติศาสตร์ของการจำแนก และจัดหมวดหมู่ของสัตว์ นับว่าเก่าแก่เท่ากับอายุของมนุษย์ทีเดียว คนพื้นเมืองซึ่งไม่ได้ศึกษาวิทยาการสมัยใหม่ สามารถจำแนกสัตว์ต่างๆ ในท้องถิ่นของตนออกเป็นชนิดได้ โดยเฉพาะชนิดที่กินได้ หรือที่ทำให้เกิดโทษแก่มนุษย์ มักจะมีชื่อเรียกกันถูกต้องมากกว่าชนิดอื่นๆ ตัวอย่างที่น่าจะนำมาอ้างอิงในที่นี้ก็คือ ชาวปาปวน (Papuan) พวกหนึ่งซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่บนภูเขาในเกาะนิวกินี สามารถที่จะเรียกชื่อนกได้ ๑๓๗ ชนิด จากจำนวนนกทั้งหมดที่นักวิทยาศาสตร์สำรวจได้ ๑๓๘ ชนิด ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่ามีอยู่เพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่มีลักษณะรูปร่าง ใกล้เคียงมาก จนทำให้พวกปาปวนเรียกชื่อไขว้เขวกัน


นกกางเขนบ้าน

            ในประเทศไทยเราก็เช่นเดียวกัน ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ ได้จำแนกสัตว์ออกเป็นชนิดๆ มานานแล้ว เช่น คนไทยในภาคกลางได้แยกนกกางเขนบ้าน และนกกางเขนดงออกจากกัน นกทั้งสองชนิดนี้มีรูปร่าง และสีสันแตกต่างกันจนเห็นได้ชัดเจน ภายหลังเมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาชื่อวิทยาศาสตร์ของนกทั้งสองนี้ ก็ปรากฏว่าแตกต่างกันจริง ดังนั้นกางเขนบ้านจึงมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คอปไซคัส โซลาริส (ลินเนียส) [Copsychus saularis (Linnaeus)] และกางเขนดงเป็น คอปไซคัส มาลาบาริคัส (สโคพอลิ) [Copsychus malabaricus (Scopoli)] นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในการจำแนกสัตว์ในสมัยแรกที่ควรกล่าวถึงในที่ นี้คือ ชาวสวีเดน ชื่อ คาโรลัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus, ค.ศ. ๑๗๐๗ - ๑๗๗๘, นักธรรมชาติวิทยาชาวสวีเดน) ท่านผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็น "บิดาของวิชาอนุกรมวิธานสมัยใหม่"

สมัยที่สอง-สมัยที่ยอมรับเอาทฤษฎีวิวัฒนาการเข้ามา

            การจำแนกสัตว์ในสมัยที่สองได้รับเอาความคิดเกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการ เข้ามาใช้เป็นอันมาก ตัวอย่างเช่น ชาลส์ ดาร์วิน เป็นต้น ท่านผู้นี้เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ในเรื่องการจัดระบบหมวดหมู่ของเพรียง หรือสนับทึบ (barnacle) และได้เขียนคู่มือการจำแนกชนิดของสัตว์ชนิดนี้ขึ้นไว้ด้วย


นกกางเขนดง

            ในสมัยที่สองนี้แนวทางของการจำแนกสัตว์ได้มุ่งไปในการเสาะหาความรู้ เพื่อที่จะตอบคำถามที่ว่า "สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย สืบเนื่องมาจากบรรพบุรุษเดียวกันหรือไม่" ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าในยุคนี้ นักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้นำเอาความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกัน ประดุจเช่น ต้นไม้ ซึ่งประกอบด้วยราก ลำต้น กิ่ง ก้านและใบ ฉันนั้น

            ด้วยความสัมพันธ์ดังเช่นที่กล่าวมาแล้วนี้ ทำให้ การค้นพบสัตว์ชนิดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ การค้นพบใหม่ๆ สำหรับสัตว์ชั้นสูงก็ค่อยๆ ลดน้อยลง


คาโรลัส ลินเนียส
สมัยที่สาม-สมัยการศึกษาประชากรของสิ่งมีชีวิต

            ในสมัยนี้นักอนุกรมวิธานได้เปลี่ยนแนวความคิด ใหม่ จากการศึกษาหาบรรพบุรุษที่ร่วมกันของสัตว์ ต่างชนิด หรือศึกษาห่วงที่ขาดหายไปของสายโซ่ แห่งความสัมพันธ์ของสัตว์แต่ละชนิด มาศึกษาถึง ความแตกต่างของลักษณะรูปร่างในหมู่ประชากร ของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน หรือชนิดอื่นที่ใกล้เคียงกัน

            นักอนุกรมวิธานในสมัยที่สามได้นำเอาความรู้ทางคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะในวิชาสถิติมาใช้อย่างแพร่หลาย และสิ่งสำคัญในสมัยนี้ก็คือ การที่นักอนุกรมวิธานได้มีความคิดใหม่เกี่ยวกับชนิด ซึ่งแต่เดิมเชื่อว่า "ชนิด" ไม่เปลี่ยนแปลง เกิดมาเป็นอย่างไรก็อยู่อย่างนั้น (typologicalconcept) มาเป็นความคิดที่ว่า "ชนิด" ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ และอาจจะมีได้หลายแบบ (Polytypic concept)