กาพย์ กาพย์มี ๓ ชนิด ได้แก่ กาพย์ยานี กาพย์ฉบัง และกาพย์สุรางคนางค์ ที่จะกล่าว ณ ที่นี้ กาพย์ยานี ๑๑ คณะ ของกาพย์ยานี มีดังนี้ กาพย์บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทที่ ๑ เรียก ว่า บาทเอก บาทที่ ๒ เรียกว่า บาทโท แต่ละ บาทมี ๒ วรรค คือ วรรคแรก และวรรคหลัง พยางค์ ในแต่ละบาทมี ๑๑ พยางค์ หรือ ๑๑ คำ วรรคหน้ามี ๕ พยางค์ วรรคหลังมี ๖ พยางค์ จึงเขียนเลข ๑๑ ไว้หลังกาพย์ยานี ๑) ในบทที่ ๑ คำสุดท้ายของวรรคแรก ตามปกติสัมผัสกับคำที่ ๓ ของวรรคหลัง แต่อาจอนุโลมให้สัมผัสกับคำที่ ๑ ของวรรคหลัง ก็ได้ (โผน-โจน) ๒) คำสุดท้ายของวรรคหลังในบาทเอก สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคแรกในบาทโท (ฟอง-พอง) ๓) คำสุดท้ายของวรรคหลังในบาทโท ของบทที่ ๑ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคหลัง ในบาทเอกของบทที่ ๒ (กัน-ขัน) ๔) สัมผัสในชนิดสัมผัสสระ ในบทที่ ๑ และ บทที่ ๒ ได้แก่คำที่เขียนเส้นโยงไว้ในแต่ละ บทคือ สิงห์-วิ่ง, คลื่น-ฝืน, ยิ่ง-สิงห์, ท่อง-ล่อง และคา-หน้า, เขม้น-เห็น, มังกร-ถอน, หน้า-วา เป็นสัมผัสที่ช่วยให้ไพเราะ ๕) สัมผัสในชนิดสัมผัสอักษร ได้แก่ เผ่น-โผน, ฝืน-ฝ่า-ฟอง, แถว-ท่อง, ขบ-ขัน, พาย-พัน |
กาพย์ฉบังบทหนึ่งมีเพียง ๑ บาท แต่มี ๓ วรรค คือ วรรคต้น วรรกลาง และวรรคท้าย สัมผัส มีข้อสังเกตเกี่ยวกับสัมผัสของกาพย์ฉบังดังนี้ ก.สัมผัสนอก (บังคับ) โปรดสังเกตเส้นโยงสัมผัสประกอบ ๑) ในบทที่ ๑ คำสุดท้ายของวรรคต้นสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคกลาง (บูชา-มารดา) ๒) คำสุดท้ายของวรรคท้ายในบทที่ ๑ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคต้นในบทที่ ๒ (ตน-กมล) และในบทต่อ ๆ ไปก็มีสัมผัสทำนองเดียวกับข้อ ๑ และ ข้อ ๒ ข.สัมผัสใน (ไม่บังคับ) ๓) สัมผัสในชนิดสัมผัสสระ มีในบทที่ ๑ วรรคท้าย คือ กำเนิด-เกิด ในบทที่ ๒ วรรคท้าย คือ มหา-สาครินทร์ ในบทที่ ๔ วรรคท้าย คือ วิชา-อาทร ภาษา-จริยา-สง่าศรี ๔)สัมผัสในชนิดสัมผัสอักษร มีดังนี้ |
กาพย์บทหนึ่งมี ๗ วรรค วรรคหนึ่งมี ๔ คำ เรียงตามแผนได้ดังนี้ จำนวนคำในวรรค มีวรรคละ ๔ คำ ๗ วรรค รวมเป็น ๒๘ คำ |