ไม้และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไม้
ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักนำเอาโลหะมาใช้ทำเครื่องใช้ต่างๆ นั้น มนุษย์ได้รู้จักนำเอาไม้มาใช้ทำสิ่งของต่างๆ ก่อน โดยเริ่มจากการรู้จักใช้ท่อนไม้เป็นอาวุธ และทำเครื่องทุ่นแรงต่างๆ เช่น คานงัด คราดเกลี่ยดิน เป็นต้น นักมนุษยศาสตร์คาดว่า มนุษย์รู้จักประดิษฐ์คิดค้นทำเครื่องมือใช้ ราวตอนปลายของยุคหิน (ประมาณ ๘,๐๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช) เริ่มด้วยการใช้หิน หรือกระดูกสัตว์มาทำเป็นมีด หรือเครื่องมือขุดอย่างง่ายๆ ต่อมาเริ่มรู้จักเหลาไม้ทำเป็นแหลน หรือหลาว เอาไว้ล่าสัตว์ ทำเป็นไถเอาไว้พรวนดิน เพื่อการเพาะปลูก จนกระทั่งถึงยุคเหล็ก และยุคทองแดงที่มนุษย์เริ่มรู้จักถลุงโลหะนำมาใช้ได้ แม้ว่าวิวัฒนาการทางโลหะได้เกิดขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบัน ก็ตาม ไม้ก็ยังมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์หาได้ล้าสมัยไปไม่ ตรงกันข้าม กลับทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นอีกมาก ทั้งนี้ได้อาศัยวิชาการใหม่ๆ ขยายการใช้ไม้กว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีก
ภาชนะที่ทำจากไม้
เราใช้ไม้เกือบทุกส่วนของต้นไม้ นับตั้งแต่รากไม้บางอย่างใช้ทำยาสกัดยา สี น้ำมันจากเปลือกไม้ ใช้ใบไม้ห่อของ มุงหลังคา ทำอาหาร และยา แต่ส่วนใหญ่เราได้ประโยชน์จากการใช้เนื้อไม้ โดยการเลื่อยออกเป็นแผ่นแล้วใช้ทำบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เครื่องเรือน พาหนะ เครื่องใช้ไม้สอยอีกมากมาย ทั้งนี้ เพราะไม้เป็นวัสดุจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแก่การก่อสร้างเกือบทุกชนิด เมื่อพิจารณาถึงราคา ความสะดวกในการจัดหา ความแข็งแรงต่อหน่วยน้ำหนัก ความสะดวกในการแปรรูป ตลอดจนความสวยงามตามธรรมชาติของมัน เราอาจจะพูดได้ว่าไม่มีวัสดุใดที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาความเจริญของมนุษยชาติเทียบเท่าไม้
บ้านไม้
ไม้ หรือเนื้อไม้ คือ ส่วนใหญ่ของลำต้น ไม้ประเภทใบเลี้ยงคู่ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ของเนื้อไม้ที่ตายแล้วเป็นจำนวนมากจะมีความแข็ง เพราะประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า เซลลูโลส (cellulose) ติดแน่นเป็นลำต้น และมีวัสดุประสานเรียกว่า ลิกนิน (lignin)
ภาชนะที่ทำจากไม้
แก่นของต้นไม้ยืนต้นนี้เรานำมาทำประโยชน์ต่างๆ เราตัดต้นไม้มาจากป่าเขาแล้วลำเลียงท่อนซุงไปยังโรงเลื่อย เพื่อปอกเปลือก และเลื่อยออก การเลื่อยอาจจะเลื่อยออกเป็นแว่นๆ ตามแนวรัศมีของลำต้น เช่น ต้นมะขาม เพื่อทำเป็นเขียงไว้ใช้หั่นหรือสับของ แต่ส่วนใหญ่เขาจะเลื่อยต้นไม้ตามแนวยาว เพื่อทำเป็นไม้กระดาน โดยผ่านท่อนซุงเข้าไปหาเลื่อยวงเดือน หรือเลื่อยแผ่นขนาดใหญ่ ชำแหละต้นไม้ออกเป็นไม้กระดานขนาดต่างๆ เพื่อใช้งานต่างๆ กัน เช่น เป็นท่อนใหญ่ๆ ใช้ทำเสาเรือน ตอม่อสะพาน หมอนหมุนรางรถไฟ เป็นแผ่นกระดานปูพื้นเรียบ หรือตีฝาเรือน เป็นต้น แต่เราไม่นิยมนำไม้ที่เลื่อยสดๆ จากต้นไม้ไปทำประโยชน์ทันที ทั้งนี้ เพราะไม้ที่ยังสดอยู่มาก ยังมีน้ำอยู่ ไม้อาจจะบิดงอได้จึงมักจะนำไปผึ่งแดด หรืออบความร้อนให้ความชื้นที่มีอยู่ในเนื้อไม้ออกไปเสียก่อน จึงจะนำไม้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ไม้อัด
แม้ว่าจะมีการคิดทำไม้อัด (plywood) ใช้มานานแล้วก็ตาม การผลิตไม้อัดออกใช้เป็นล่ำเป็นสัน ก็เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง กล่าวคือ เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ มีการนำเอาไม้อัดมาใช้ มากมาย เพราะไม้อัดมีคุณสมบัติดีที่แข็งแรงทั้งๆ ที่แผ่นบางนี่เอง เขาพยายามใช้ไม้อัดทำเครื่องบิน แต่ไม้อัดในสมัยนั้นอัดติดกันด้วยกาวธรรมชาติธรรมดา ซึ่งดูดความชื้นได้ ทำให้ไม้อัดโป่งแยกออกเป็นชั้นๆ เสียหมด ต่อมาวิวัฒนาการคิดค้นหากาวที่กันน้ำได้ และกาวสังเคราะห์บางอย่างที่ใช้ได้ดีกว่า กาวธรรมชาติ ไม้อัดในสมัยปัจจุบัน จึงมีคุณภาพดีกว่าเดิมมาก
ท่อนซุง ซึ่งลำเลียงขนส่งโดยการล่องแพมาตามแม่น้ำ
เป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่ว่าเหตุใดเราจึงจะต้องวุ่นวายไปเอาไม้แผ่นบางๆ หลายๆ แผ่นมาเชื่อมติดเป็นแผ่นเดียว ในเมื่อเราสามารถที่จะเลื่อยไม้แผ่นเดียว ที่มีความหนาเท่ากันได้ เหตุผลก็คือว่า ตามธรรมชาติของเนื้อไม้ โดยปกติแล้ว จะมีความแข็งแรงตามแนวลายไม้ แต่จะอ่อนแตกหักง่ายในแนวตั้งฉากกับแนวลายไม้ ดังนั้น ไม้แผ่นบางๆ แผ่นเดียว จะแตกหักง่าย แต่ถ้าเราเอาไม้แผ่นบางๆ หลายๆ แผ่น มาเชื่อมติดกัน โดยที่เอาแนวลายไม้สลับตั้งได้ฉากกัน เราก็จะได้ไม้อัดแผ่นหนึ่ง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่ายในทุกทิศทาง จะเห็นได้ว่า เราสามารถตอกตะปูให้ชิดขอบของแผ่นไม้อัด ได้มากกว่าแผ่นไม้ธรรมดา ที่มีขนาดเดียวกัน
กรรมวิธีทำไม้อัด
เริ่มด้วยการเอาท่อนซุงมาอบด้วยไอน้ำ เพื่อให้เนื้อไม้มีความชื้นเท่ากันโดยตลอด และเพื่อให้เนื้อไม้อ่อนตัวลง (เพื่อให้สะดวกแก่การฝาน หรือปอกให้เป็นแผ่นบางๆ) เมื่ออบไม้จนชื้น และอ่อนตัวพอเหมาะแล้ว ก็จะจัดการลอกเปลือกไม้ออก เลื่อยออกเป็นท่อนๆ ได้ความยาวตามที่ต้องการแล้วจึงนำไปปอกเป็นแผ่นบางๆ โดยเครื่องปอกที่มีลักษณะคล้ายเครื่องกลึงกล่าวคือ ท่อนซุงจะถูกหนุนเข้าไปหาใบมีด ใบมีดจะฝานท่อนซุงตามแนวยาวออกได้เป็นแถบบางๆ จากนั้นจะถูกตัดออกเป็นแผ่นๆ ตามขนาดต่อไป แผ่นไม้บางที่ได้นี้จะต้องอบให้แห้งสนิท แล้วนำไปผ่านเครื่องทากาว เครื่องจะทากาวเป็นชั้นบางๆ ทั่วแผ่นไม้ จากนั้นจะนำไปอัดโดยสลับแนวลายไม้ในแต่ละชั้นดังกล่าวแล้วข้างต้น ในเครื่องอัดไม้ที่ใช้แรงอัดสูง โดยมีความร้อนช่วย ในที่สุดก็จะได้แผ่นไม้อัดที่พร้อมจะนำไปใช้ได้ ภายหลังที่ได้รับการตกแต่งขอบ ตัดริมและขัดกระดาษทรายให้เรียบร้อยแล้ว
แผนภาพแสดงกรรมวิธีทำไม้อัด
เป็นที่น่าสังเกตว่า เขานิยมใช้ไม้ที่มีลายไม่ค่อยสวย ราคาถูกเป็นไส้ใน และใช้ไม้ที่มีลายสวยงาม ราคาแพงประกบอยู่ข้างนอก เพื่อทำให้ราคาถูกลง