เล่มที่ 39
เพลงกล่อมเด็ก
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
เพลงกล่อมเด็กกับสังคมไทย

            เพลงกล่อมเด็กเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมายาวนาน เริ่มต้นอย่างเป็นธรรมชาติในวิถีชีวิตของชาวบ้าน ทุกครัวเรือน บนพื้นฐานความรักและสายใยความผูกพันของสมาชิกในครอบครัวที่มีต่อเด็ก ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อแม่กับลูก ปู่ย่า ตายาย ลุงป้า น้าอากับหลาน หรือพี่กับน้อง เมื่อมีเด็กเกิดใหม่ในบ้าน ทุกคนก็จะช่วยกันเลี้ยงดูอุ้มชู คอยเล่นด้วย ป้อนข้าวป้อนนมให้กินอิ่ม และเห่กล่อมให้นอน ด้วยบทเพลงที่ใช้คำง่ายๆ แสดงความรักความอ่อนโยน พร้อมเสียงเอื้อนยาว ที่เปล่งออกมาอย่างนุ่มนวลสม่ำเสมอจนเด็กหลับสนิทไป


ชาวบ้านขุดหาหน่อไม้มาเป็นอาหาร

            ในอดีต สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ชาวไทยทำไร่ ทำสวน ปลูกพืชผักชนิดต่างๆ ทำนาปลูกข้าว หาอาหารจากธรรมชาติ เช่น จับปลา จับกบ ยิงนก ขุดหน่อไม้ เก็บเห็ด ตามวิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้านทั่วไป เมื่อพ่อไปทำไร่ทำนา แม่อยู่บ้านทำงานบ้าน หรืองานอื่นๆ เช่น ปั่นฝ้าย สาวไหม ทอผ้า สานกระด้ง กระบุง ตะกร้า ถักแห และจะเลี้ยงลูกไปด้วย โดยมักไกวเปลให้ลูกนอนและร้องเพลงกล่อมให้หลับ บางบ้าน พ่อแม่เป็นคนหนุ่มสาวก็ออกไปทำไร่ทำนาด้วยกันทั้งคู่ ก็จะมีญาติผู้ใหญ่อย่างปู่ย่า ตายาย ลุงป้า น้าอา หรืออาจเป็นพี่ของเด็ก ช่วยเลี้ยงลูกแทน เพลงกล่อมเด็กหลายบทแต่งขึ้น ด้วยอุปนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทย จึงมีคำคล้องจอง ทำให้ร้องง่าย ฟังแล้วเพลิดเพลิน ทั้งยังสร้างความบันเทิงใจให้ผู้ร้องเองด้วย ผู้ที่ได้ยินได้ฟังก็จดจำ และนำไปร้องปากต่อปาก บางเพลงก็แต่งเติม หรือตัดให้สั้นลง แล้วแต่ความพอใจ และความนิยมของผู้นำไปร้อง ไม่ว่าเป็นเพลงบทใด สั้นยาวเพียงใด ผู้ร้องต่างหวังให้เด็กหลับได้รวดเร็ว และหลับสนิทนานๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาทำงานอื่นๆ ได้สะดวก หรือจะได้พักผ่อนบ้าง ดังนั้น เพลงกล่อมเด็กจึงถือว่า เป็นเพลงพื้นบ้าน ของไทย ที่มีผู้ร้องได้มากที่สุด เพราะไม่จำเป็นต้องฝึกหัดร้อง เพื่อเป็น "พ่อเพลงแม่เพลง" เหมือนการร้องเพลงพื้นบ้านประเภทอื่นๆ

            หากย้อนเวลากลับไป ในยุคที่สังคมไทยยังไม่มีเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์เพื่อความบันเทิง เพลงกล่อมเด็กน่าจะเป็นสิ่งบันเทิง ที่ใกล้ตัวและอยู่ในวิถีชีวิตของทุกครัวเรือน และในขณะเดียวกัน ยังเป็นเครื่องมือที่มีทั้งประโยชน์และมีคุณค่าทางจิตใจ หลายประการ ดังนี้


ญาติผู้ใหญ่ช่วยกันเลี้ยงดูอุ้มชูเด็ก ทำให้เกิดความผูกพันในครอบครัว

            ๑. กล่อมให้เด็กหลับ เมื่อเด็กได้นอนหลับพักผ่อนอย่างดีก็ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย เจริญเติบโตพัฒนาขึ้นตามวัย โดยเฉพาะพัฒนาการทางอารมณ์


แม่สามารถทำงานอื่นได้ ในขณะที่เด็กหลับสนิท

            ๒. เมื่อเด็กได้ยินเสียงเพลงกล่อมจากผู้ใหญ่ที่เลี้ยง ก็รับรู้ว่ามีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัย หากง่วงนอน ก็หลับได้สนิท ไม่ผวา หรือร้องไห้โยเย เมื่อตื่นนอนขึ้นมาก็จะมีอารมณ์แจ่มใสไม่งอแง


พ่อแม่สมัยใหม่ที่ทำงานนอกบ้านนิยมส่งลูกไปฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน

            ๓. เมื่อเด็กหลับสนิทเป็นเวลานาน ผู้ใหญ่ที่เลี้ยงก็จะสามารถทำงานอื่นๆ ได้โดยสะดวก

            ๔. ในขณะร้องเพลงกล่อมเด็ก ผู้ใหญ่ก็ได้ผ่อนคลายจากเสียงเพลงที่ร้องกล่อมเด็กไปด้วย บทเพลงกล่อมเด็กบางเพลงแต่งขึ้น จากเรื่องราวในนิทาน ตำนาน หรือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคม เมื่อนำมาร้องกล่อมเด็กก็ยังเป็นการสร้างความเพลิดเพลินใจ ให้แก่สมาชิกในบ้าน หรือเพื่อนบ้านที่ได้ฟังด้วย


พ่อแม่สมัยใหม่ใช้สื่อดิจิทัลเข้ามาช่วยในการเลี้ยงลูก

            ๕. เพลงกล่อมเด็กส่วนใหญ่มีถ้อยคำเรียกขาน และบอกกล่าว ถึงความรัก ความห่วงใย ความเอ็นดู และความปรารถนาดีต่อเด็ก ทำนองที่ร้องกล่อมก็มีน้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลม ทำให้เด็กได้รับรู้ ถึงความรักของผู้ใหญ่ ปลูกฝังสายสัมพันธ์ในหมู่เครือญาติ สร้างความผูกพันใกล้ชิดกับญาติผู้ใหญ่

            ๖. เพลงกล่อมเด็ก เพลงปลอบเด็ก และเพลงร้องเล่นเด็ก แต่งขึ้นโดยใช้คำสั้นๆ ง่ายๆ เป็นคำพื้นฐานเกี่ยวกับร่างกาย และธรรมชาติรอบตัว คำร้องเหล่านี้เมื่อเด็กได้ฟังบ่อยๆ จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา ด้านการฟัง การพูดออกเสียง และเรียนรู้คำเรียกสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังได้ซึมทราบความเป็น "คนเจ้าบทเจ้ากลอน" ที่เป็นเอกลักษณ์ ของคนไทยจากคำสัมผัสคล้องจองที่มีในเนื้อเพลงด้วย


ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ

            ๗. เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็กหลายบท มักสอดแทรกคติเตือนใจ คำสั่งสอนต่างๆ เช่น การรักนวลสงวนตัวของผู้หญิง การรักษาความสะอาด การใช้ชีวิตครอบครัว ความขยันขันแข็ง บอกเล่าตัวอย่างพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผลของการทำกรรมชั่ว ทำให้ผู้ที่ได้ฟังซึ่งอาจเป็นเด็กโต หนุ่มสาวหรือชาวบ้านในชุมชนได้ข้อคิดและตระหนักถึงการประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสม และพยายามเป็นคนดีของสังคม


ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ

            ต่อมาสังคมไทยเปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ชีวิตแบบสังคมชนบทก็ค่อยๆ ลดลง กลายเป็นสังคมเมืองขยายตัวเพิ่มขึ้นมาแทนที่ เพลงกล่อมเด็กที่เคยแพร่หลายในวิถีชีวิตของคนไทยก็ลดบทบาทลงเช่นกัน ด้วยเหตุปัจจัยหลายประการ นับตั้งแต่ครอบครัวที่มีสมาชิก ๓ รุ่น (ปู่ย่า/ตายาย พ่อแม่ ลูก/หลาน) อยู่ร่วมกัน เปลี่ยนแปลงเป็นครอบครัวขนาดเล็กที่มีเพียง ๒-๓ คน พ่อแม่ลูก คนหนุ่มสาวเลิกประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ ครอบครัวของคนรุ่นใหม่นี้ พ่อแม่ต้องทำงานนอกบ้าน เช่น งานในโรงงาน บริษัท ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือการรับจ้างอื่นๆ เมื่อมีลูกก็ไม่มีเวลาพอที่จะเลี้ยงเองได้ ต้องส่งไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก หรือจ้างพี่เลี้ยงมาดูแล ผู้ที่มีหน้าที่เลี้ยงเด็กก็มักเปิดเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์หรือเครื่องเล่นแถบเสียง เพื่อฟังเพลงจากนักร้องร่วมสมัยที่ตนชื่นชอบ และร้องกล่อมเด็กไปด้วย


ห้องสมุดดนตรีสมเด็จพระเทพรัตน์ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม

            เมื่อสังคมไทยเจริญก้าวหน้ามากขึ้น และเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้การติดต่อสื่อสาร รับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนความบันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรือละคร ก็ทำได้สะดวกรวดเร็วด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ในยุคดิจิทัลผ่านช่องทางของโลกออนไลน์ ในการเลี้ยงเด็กนั้น พ่อแม่ หรือผู้ที่มีหน้าที่เลี้ยงเด็กนิยมเปิดเพลงบรรเลงแทนการร้องเพลงกล่อมเด็ก บางคนก็หาแผ่นซีดีรอมเพลงเด็ก นิทานสำหรับเด็ก มาเปิดให้เด็กฟัง ตามที่ผู้จำหน่ายมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้แก่เด็กได้ ดังนั้น เพลงกล่อมเด็กของไทย จึงเลือนหายไปจากวิถีชีวิตของครอบครัวไทยในเมืองใหญ่ และได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นที่รู้จักในฐานะ "องค์ความรู้" หรือ "มรดกวัฒนธรรมของชาติ" ที่มีคุณค่าและควรอนุรักษ์ไว้


ห้องสมุดดนตรีสมเด็จพระเทพรัตน์ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม

            ปัจจุบัน เราเพียงพิมพ์คำสืบค้นว่า "เพลงกล่อมเด็ก" ในระบบอินเทอร์เน็ต หรือฐานข้อมูลของห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ก็จะได้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเพลงกล่อมเด็ก และสามารถจะรู้รายชื่อหนังสือ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องได้ หากต้องการฟังเพลงกล่อมเด็ก ก็มีไฟล์เพลงให้บรรจุลง (ดาวน์โหลด) หรืออาจใช้บริการฟังจากโสตทัศนวัสดุ ในแหล่งเรียนรู้หลายแห่ง เช่น ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร ที่หอสมุดแห่งชาติ ห้องสมุดของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) นอกจากนี้ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม จะจัดประกวดเพลงกล่อมลูก ๔ ภาค เป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันมากว่า ๒๐ ปีแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นเพลงที่บันทึกขึ้นใหม่ จากความทรงจำของผู้สูงอายุที่เคยร้อง หรือเป็นผู้ร้องที่ฝึกหัดมาจากผู้สูงอายุ นอกจากบางบทเพลงที่นักวิจัยได้ไปเก็บข้อมูล และบันทึกเสียงผู้สูงอายุในหมู่บ้านตามชนบทที่ยังใช้ร้องกล่อมหลานในวิถีชีวิตจริง ดังนั้น มีบางคนโชคดีที่ได้รับการเลี้ยงดู และเติบโตในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นสังคมชนบทที่มีความใกล้ชิดกับญาติผู้ใหญ่และเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ก็ยังไม่ลืมเนื้อร้อง ของเพลงกล่อมเด็ก อย่างไรก็ดี เมื่อวันเวลาผ่านไป ผู้ใหญ่เหล่านั้นก็ย่อมแก่เฒ่าและตายจากไป เพลงกล่อมเด็ก ก็จะมีผู้ร้องได้น้อยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเพลงกล่อมเด็กก็จะเป็นเพียงตำนานให้กล่าวขวัญถึงว่า เป็นเพลงพื้นบ้าน ที่ใช้ในการเลี้ยงดูเด็กเท่านั้น