ยุคไมโครคอมพิวเตอร์ชนิด ๓๒ บิต (พ.ศ. ๒๕๓๙ - ปัจจุบัน)
ไมโครคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันจะมีฮาร์ดดิสก์หลายรูปแบบและหลายขนาด
ในยุคนี้เป็นยุคไมโครคอมพิวเตอร์ชนิด ๓๒ บิต ไมโครโปรเซสเซอร์ที่ใช้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- สามารถรับคำสั่งได้ถึง ๖๔,๐๐๐ ล้านคำสั่ง หรือใช้ขนาดข้อมูลได้ถึง ๖๔,๐๐๐ ล้านตัวอักษร
- สามารถประมวลข้อมูลได้ขนาด ๓๒ บิตต่อครั้ง ตัวเลขที่มีค่ามากกว่า ๔,๒๙๕ ล้านจะต้องถูกแยกประมวลเป็นหลายๆ ส่วน ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพต่ำ แต่ข้อมูลที่ใช้ทั่วไปทางธุรกิจจะมีค่าอยู่ในช่วงนี้ ไมโครคอมพิวเตอร์จึงมีประสิทธิภาพเหมาะสำหรับใช้ทางด้านธุรกิจ
- มีวิทยากรในการเปิดหรือปิดวงจรทรานซิสเตอร์ได้เร็วกว่า ๑,๐๐๐ ล้านครั้งต่อวินาที (เร็วกว่าไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นแรกถึง ๙,๒๐๐ เท่า)
- สามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากกว่า ๙ ล้านตัว (มากกว่าไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นแรกถึง ๓,๙๐๐ เท่า)
- สามารถประมวลคำสั่งได้เร็วกว่า ๒๒๐ ล้านคำสั่งต่อวินาที (เร็วกว่าไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นแรกถึง ๓,๖๐๐ เท่า)
- บางรุ่นสามารถประมวลคำสั่งได้มากกว่า ๑ คำสั่ง พร้อมๆ กัน
- บางรุ่นจะมีคำสั่งพิเศษที่สามารถประมวลข้อมูลทางด้านรูปภาพ เสียง หรือภาพยนตร์ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จึงทำให้เหมาะสม ที่จะใช้ทางด้านการสื่อสาร และโทรคมนาคม
- บางรุ่นจะมีหน่วยความจำแบบเร็ว (cache memory) อยู่ข้างในไมโครโพรเซสเซอร์ เพื่อที่จะได้เพิ่มความเร็วของการเรียกใช้ข้อมูล
ไมโครคอมพิวเตอร์ยุคนี้ก็ยังใช้ฟล็อปปีดิสก์ที่มีขนาด ๕.๒๕ นิ้ว และขนาด ๓.๕ นิ้ว บางรุ่นสามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นถึง ๒.๘ ล้านตัวอักษร หรือข้อความ ๑,๔๐๐ หน้า และใช้ฮาร์ดดิสก์หลายรูปแบบ ที่มีหลายขนาด มีทั้งขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่า ๑๖,๐๐๐ ล้านตัวอักษร หรือข้อความ ๘ ล้านหน้า ซึ่งเท่ากับหนังสือขนาด ๔๐๐ หน้า จำนวน ๒๐,๐๐๐ เล่ม และขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีดไฟ ที่มีขนาดเพียง ๑.๓ นิ้ว ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้หลายร้อยล้านตัวอักษร ฮาร์ดดิสก์ก็ได้เพิ่มความเร็วในการเก็บและเรียกใช้ บางชนิดสามารถถอดและสับเปลี่ยนได้เหมือนฟล็อปปีดิสก์ แต่ว่ามีความเร็วสูง และสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าฟล็อปปีดิสก์
การแสดงผลข้อมูลก็ใช้จอภาพที่มีความละเอียดมากขึ้น มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีจำนวนสีมากขึ้นเป็นล้านๆ สี สำหรับเครื่องพิมพ์ ก็ใช้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ (laser printer) และอิงก์เจ็ต (inkjet printer) ซึ่งสามารถตีพิมพ์ข้อมูล ทั้งภาพและตัวอักษรแบบขาวดำและสีได้อย่างสวยงามเทียบเท่าโรงพิมพ์ และเริ่มมีการใช้เสียง ในการแสดงผล เช่น การรับฟังวิทยุ หรือเล่นเพลง โดยใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ และลำโพง ส่วนการป้อนข้อมูล ก็มีการใช้แป้นพิมพ์ เมาส์ กล้องถ่ายภาพสี ไมโครโฟน และสแกนเนอร์ (scanner) ทำให้เราสามารถแม้กระทั่งสั่งงานคอมพิวเตอร์ โดยใช้เสียงได้ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียงพิมพ์ เราสามารถจะเขียนข้อความ โดยที่คอมพิวเตอร์สามารถเปลี่ยนข้อมูลของเสียงมาเป็นตัวอักษรได้ หรือเราสามารถจะเขียนข้อความบนจอภาพ หรือบนกระดาษ แล้วให้คอมพิวเตอร์อ่านลายมือ และเปลี่ยนมาเป็นตัวอักษร การสื่อสารของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มีหลายประเภท ทั้งเครือข่ายประเภทแลน (LAN - local area network) แวน (WAN - wide area network) หรืออินเทอร์เน็ต (Internet) จึงทำให้ไมโครคอมพิวเตอร์ยุคนี้ มีอุปกรณ์เสริมหลายชนิด เช่น โมเด็ม (modem) ที่ช่วยในการส่งและรับข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้เร็วกว่า ๕๖,๐๐๐ บิตต่อวินาที หรือแลนการ์ดที่ช่วยต่อคอมพิวเตอร์ เครื่องอื่นที่อยู่ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่าง รวดเร็ว โดยสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้เร็วกว่า ๑๐๐ ล้านบิตต่อวินาที
เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ต (inkjet printer)
เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคที่มีระยะเวลายาวนาน จึงมีการปรับปรุง และคิดค้นวิทยาการใหม่ๆ หลายอย่าง เพื่อทำให้ไมโครคอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้น ดีขึ้น และมีความสามารถมากขึ้น ไมโครคอมพิวเตอร์จึงมีขนาดเล็กลง และทำงานได้เร็วขึ้น เราสามารถแบ่งขนาดของไมโครคอมพิวเตอร์ได้ ดังต่อไปนี้
ขนาดตั้งโต๊ะ
ขนาดวางบนตัก
- ขนาดสมุดบันทึก (notebook)