พันธุ์ไม้ป่าที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เนื่องจากพันธุ์ไม้ป่าต่างๆ นั้นมีคุณค่าทางเศรษฐกิจเป็นอันมาก คนเราได้นำเนื้อไม้มาใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน และเครื่องใช้ต่างๆ นอกจากนั้นยังมีไม้บางชนิดให้ประโยชน์อย่างอื่นที่สูงกว่าเนื้อไม้ เช่น น้ำมัน ชัน หรือให้ผลที่เป็นสมุนไพร ใช้แก้โรคติดต่อร้ายแรงบางโรคได้ ดังนั้น ทางการจึงต้องป้องกันมิให้สูญพันธุ์ โดยกำหนดไม้บางชนิดให้เป็นไม้หวงห้าม ไม้หวงห้ามที่ทางการกำหนดไว้ แบ่งออก เป็น ๒ ประเภท คือ ๑. ไม้หวงห้ามประเภท ก. เป็นพันธุ์ไม้ที่ให้เนื้อไม้มีคุณภาพดี ซึ่งใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนได้นั้น ทางการจะยอมให้ตัดฟัน และชักลากออกมา ทำสินค้าได้ ทั้งนี้ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน ได้กำหนดให้อยู่ในประเภทนี้ มีจำนวนกว่า ๒๕๐ ชนิด พร้อมทั้งกำหนด อัตราค่าภาคหลวงไว้ด้วย ได้แก่
๒. ไม้หวงห้ามประเภท ข. ได้แก่พันธุ์ไม้บางชนิดที่ทางการ ได้พิจารณาเห็นว่า เป็นไม้ชนิดดีมีค่า หายาก หรือมีคุณค่าพิเศษอย่างอื่น เช่น เปลือกหรือเนื้อไม้ มีกลิ่นหอม เป็นสมุนไพรที่หายาก หรือเนื้อไม้มีน้ำมันหรือชัน ซึ่งใช้ประโยชน์ในการอุตสาหกรรม ที่จะหาของอื่นมาใช้แทนไม่ได้ หรือมีผลที่เป็นสมุนไพร ใช้แก้โรคติดต่อร้ายแรงบางโรคได้ ทางการจะห้ามมิให้ตัดฟัน โค่น ล้ม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ พันธุ์ไม้ที่ใช้ยางนำมากลั่นเป็นน้ำมันและ ชันก็คือ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ต้นสนสามใบ | สนเขา เป็นไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ อยู่ใน สกุลไพนัส (Pinus) ต้นสูง ๒๕-๓๐ เมตร ใบรูปเข็ม มีอยู่ด้วยกัน ๒ ชนิด คือ สนสองใบ (Pinus merkusii) สนสามใบ (Pinus khasya) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ที่มีบริมาณน้อยและหายากได้แก่ พญาไม้ ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ อยู่ในสกุลพอโดคาร์ปัส (Podocarpus) ขึ้นตามป่าดิบเขา มีอยู่ ๓ ชนิด คือ พญามะขามป้อมดง (Podocarpus imbri-catus) ใบเล็กละเอียด บางทีเป็นเกล็ดแหลม ขุนไม้ (Podocarpus wallichii) ใบกว้าง สอบเรียวทางปลายและโคน พญาไม้หรือซางจิง (Podocarpus neriifolia) ใบแคบขอบขนาน แปกลม (Colocedrus macrolepis) ไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบสูง ๒๐-๒๕ เมตร ใบเล็กอยู่ชิดติดกัน เป็นแผงคล้ายใบสนแผง ด้านล่างสีขาว ขึ้นตาม ป่าดิบเขา มะขามป้อมดง (Cephalotaxus griffithii) ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบสูง ๒๐-๒๕ เมตร ใบเล็กเรียว ปลายแหลมเรียงกันอยู่สองข้าง ด้านล่างสีขาว ขึ้น ตามป่าดิบ |
สามพันปี (Dacrydium elatum) ไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ สูง ๒๐-๒๕ เมตร ใบเรียวเล็ก ปลาย ใบแหลมเป็นเกล็ดเล็กๆ ขึ้นตามป่าดิบเขา ริม ลำธาร | สามพันปี |
กฤษณาหรือกระลำพัก เป็นไม้สกุลอะควิลาเรีย (Aquilaria) ซึ่งขึ้นตามป่าดิบ เรียกกันทั่วๆ ไปว่า กฤษณา มีอยู่ด้วยกันสองชนิด คือ Aquilaria crassna และ Aquilaria intergra พันธุ์ไม้สองชนิด นี้มีลักษณะคล้ายกันมาก ยากที่จะจำแนกออกจาก กันได้ แต่พอจะสังเกตรู้ได้ว่าเป็นไม้ในสกุลนี้ คือ มีใบบาง เนื้อแน่น มีเส้นใบถี่ เปลือกสีเทา ลอกออกได้ง่ายตามยาวของลำต้นและมีใยเหนียวมาก หอม หรือ สบ หรือ กะตุก (Altingia siamensis)ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ สูง ๒๐-๓๐ เมตร ขึ้นตามป่า ดิบ ใบมีกลิ่นฉุนเหมือนการบูร เนื้อไม้มีกลิ่นหอม กระเบาใหญ่ (Hydnocarpus anthelminticus และ H.kurzii) ไม้ยืนต้นสูง ๑๕-๒๐ เมตร ไม่ผลัดใบ ขึ้นตามป่าดิบ ผลให้เมล็ดใช้สกัดน้ำมัน ทำยารักษาโรคเรื้อนได้ผลดี มะพอก หรือทะลอก หรือ มะมื่อ (Parinari annamense) ไม้ยืนต้นสูง ๑๕-๒๐ เมตร ไม่ผลัดใบ ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ผลให้เมล็ดใช้น้ำมันใน อุตสาหกรรมเครื่องเขิน และกระดาษ รักใหญ่ (Melanorrhoea usitata และ M. laccifera) ไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง ๑๕-๒๐ เมตร ขึ้น ตามป่าเบญจพรรณแล้ง เปลือกให้ยางสีดำใช้ใน อุตสาหกรรมเครื่องเขิน นอกจากไม้หวงห้ามทั้งสองประเภทที่ยกตัวอย่างมาพอเป็นสังเขปนั้น ยังมีไม้อยู่อีก ๒ ชนิด ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ให้เป็นไม้หวงห้าม ชนิดพิเศษ คือ ไม้สัก และไม้ยางทุกชนิด ไม้ทั้งสองชนิดนี้ ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดก็ตามให้ถือว่า เป็นไม้หวงห้ามทั้งสิ้น การตัดฟันใช้สอยจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เว้นแต่ในกรณีที่ได้มอบหมายให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมป่าไม้ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด |
ต้นสัก | ไม้สัก (Tectona grandis) ไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง ๒๐-๓๐ เมตร ดอกสีขาว ออกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่ง ผลกลมมีขนนุ่มปกคลุม และมีเปลือกบางๆ หุ้มโดยรอบภายนอกอีกชั้นหนึ่ง เนื้อไม้สีน้ำตาล อมเหลือง ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ |
ไม้ยาง (Dipterocarpus spp.) ไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ สูง ๓๐-๔๐ เมตร ดอกสีชมพูผลกลม ปลายแหลม มีปีก ๒ ปีกใหญ่ และปีกรูปหูหนู ๓ ปีก เนื้อไม้สีน้ำตาล ขึ้นตามป่าดิบแล้งและป่าดิบชื้น ไม้ ยางมีอยู่ด้วยกันมากชนิด ชนิดที่พบทั่วๆ ไป คือ ยางนา (Dipterocarpus alatus) ยางพาย (Dipterocarpus costatus) ยางแดง (Dipterocarpus turbinatus) ยางมันหมู (Dipterocarpus kerrii) ยางเสียน (Dipterocarpus gracilis) |