งานบางอย่าง เราทำเองคนเดียวได้ ข้อขัดข้องบางอย่างเราใช้ความรู้ความคิดแก้ไขเองได้ตามลำดัง
ตัวอย่างเช่น ตอนเช้าเราตื่นนอนแล้วอาบน้ำแปรงฟัน แต่งตัวไปโรงเรียน ถ้ารองเท้าเปื้อนโคลน เพราะเมื่อวานนี้ฝนตก ถนนเปียกเฉอะแฉะ เราทำความสะอาดรองเท้าของเราเองได้
งานบางอย่าง เราไม่อาจทำตามลำพังได้ ข้อขัดข้องบางอย่าง แม้มีความรู้ความคิด แต่ก็ไม่อาจแก้ไขได้โดยลำพัง เพราะงานนั้นยากและมีปริมาณมากเกินกว่าบุคคลเพียงคนเดียวจะทำได้ หรือแก้ไขได้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น หรือต้องรวมกำลังกัน งานจึงจะสำเร็จลุล่วงไปได้
ตัวอย่างเช่น การเล่นกีฬาวอลเลย์บอล หรือ ฟุตบอล เราต้องเล่นร่วมกันเป็นทีมๆ การจัดงานรื่นเริง ในวันปิดภาคเรียน นักเรียนทุกคนต้องร่วมมือกันทำงาน ตามที่ตกลงกันไว้ว่า ใครจะทำหน้าที่อะไร
การที่นักเรียนหลายคนไม่มีอาหารกลางวันรับประทาน อาจารย์ใหญ่คิดแก้ปัญหานี้ โดยจัดให้มีโครงการเกษตร เพื่ออาหารกลางวัน ตามที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำ ครูและนักเรียนทั้งโรงเรียน ก็ช่วยกันปลูกผักสวนครัว เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดไก่ไว้เป็นอาหาร คนที่มีรายได้พอจะซื้ออาหารกลางวันได้โดยลำพัง ก็ต้องร่วมกับผู้ไม่มีรายได้ เพื่อทำงานตามโครงการให้ได้ผลดีที่สุด
ที่กล่าวข้างต้นนี้ เป็นตัวอย่างของการทำงานของนักเรียนคนเดียว และหลายคน ของครูและนักเรียน ในโรงเรียนเดียวกัน ร่วมมือกันทำงาน ที่ต้องผนึกกำลังเข้าด้วยกัน เพื่อให้งานที่ยาก ซับซ้อน และยิ่งใหญ่เกินกว่าบุคคลคนเดียว หรือกลุ่มเดียวจะทำให้สำเร็จได้
ในทำนองเดียวกัน งานของชุมชน และสังคม ที่ใหญ่กว่าโรงเรียนตามลำดับ คือ ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ ทวีป และโลก บางอย่างแต่ละชุมชน และสังคม ดำเนินการเองได้ บางอย่างต้องร่วมมือกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผู้ที่มีความร่ำรวย มีทรัพยากรมากกว่า มีความรู้ความชำนาญมากกว่า ก็ช่วยเหลือผู้ที่มีน้อยกว่า ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนในสังคมโลก มีความสุขเสมอกัน ไม่ต้องแก่งแย่งเอาเปรียบ ทะเลาะวิวาท ทำสงคราม เพื่อแย่งชิงสิ่งที่ต้องการจากผู้อื่น
ในประวัติศาสตร์ของโลก มีสงครามเกิดขึ้นหลายร้อยครั้ง เพื่อแย่งชิงทรัพย์สิน ดินแดน เพื่อขยายอำนาจของผู้ที่ต้องการเป็นใหญ่ หรือเพียงเพื่อทำลายสังคม ที่มีความคิด ความเชื่อ ภาษา และขนบประเพณีแตกต่างกัน สงครามคือ การทำลายล้าง บ้านเมืองถูกทำลาย มีซากปรักหักพังให้เห็นอยู่เป็นหลักฐาน ผู้คนนับล้านถูกฆ่า ถูกกวาดต้อนออกไปจากถิ่นฐานเดิม สงครามโลกเกิดขึ้นสองครั้ง ครั้งที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ - พ.ศ.๒๔๖๑ (ค.ศ. ๑๙๑๔- ค.ศ.๑๙๑๘) สงครามโลกครั้งที่สอง เกิดขึ้น เมื่อ พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) และยุติลง เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๘ (ค.ศ.๑๙๔๕) ทำความพินาศย่อยยับแก่บุคคล และสังคม ทั่วทุกแห่งในโลก
ดังนั้น ประเทศต่างๆ ที่เป็นฝ่ายชนะสงคราม จึงร่วมกันจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ ประกอบด้วยนานาประเทศทั่วโลกเป็นสมาชิก องค์การนี้มีวัตถุประสงค์หลัก คือ รวมกำลังกันป้องกันสงคราม มิให้เกิดขึ้นอีก และช่วยเหลือฟื้นฟูประเทศ ที่ประสบความพินาศทุกด้าน ให้กลับเข้าสู่ความสงบสุข ปราศจากความยากจน และความหวาดกลัวภัยสงครามตลอดไป มีการลงนามในกฎบัตรสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๘ (ค.ศ.๑๙๔๕) กฎบัตรมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ปีเดียวกัน องค์การจึงกำหนดให้วันที่ ๒๔ ตุลาคมของทุกปี เป็นวันสหประชาชาติ