เล่มที่ 2
กรุงเทพมหานคร
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
            
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

            เรียกกันอยู่ทั่วๆ ไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดในบริเวณพระบรมมหาราชวังชั้นนอก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้เริ่มสร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวังเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ ด้วยมีพระราชดำริจะให้เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) และแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๓๒๗ สิ่งสำคัญในวัดพระศรีรัตนศาสดารามมี
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
๑. พระอุโบสถ

            เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) พระพุทธรูปสำคัญที่สุดในประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสร้างด้วยหยกสีเขียว มีตำนานเล่าต่อกันมาว่า เทวดาสร้างถวายพระอรหันต์องค์หนึ่งทางอินเดีย แล้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในองค์พระพุทธรูป ครั้นเวลาต่อๆ มา พระพุทธรูปองค์นี้ตกไปอยู่ตามเมืองต่างๆ หลายแห่ง เช่น ลังกา เชียงราย เชียงใหม่ และเวียงจันทร์ ใน พ.ศ. ๒๓๒๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งยังดำรงตำแหน่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เสด็จเป็นแม่ทัพไปตี ได้เมืองเวียงจันทร์ จึงทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต มาไว้ยังกรุงธนบุรี ครั้นเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ จึงได้อัญเชิญประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สืบต่อมาจนทุกวันนี้
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
            หน้าฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต มีพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ และที่ ๒ เป็นพระพุทธรูปยืนสูง ๖ ศอก (๓ เมตร) หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์และหุ้มทองคำ ทรงเครื่องต้นอย่างจักรพรรดิราช (ตามแบบกษัตริย์ สมัยโบราณ) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างอุทิศพระราชกุศลถวาย สมเด็จพระอัยการธิราช และสมเด็จพระบรมชนกนาถ องค์ทางขวา (ทิศเหนือ) ถวายพระนามว่า "พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก" องค์ทางซ้าย (ทิศใต้) ถวายพระนามว่า "พระพุทธเลิศหล้านภาลัย" แล้วโปรดให้ออกประกาศเรียกพระนามพระอดีตรัชกาล ตามพระนามที่ถวายแด่พระพุทธรูปทั้งสองพระองค์ แทนคำที่เรียกกันอยู่ในขณะนั้นว่า "แผ่นดินต้น" "แผ่นดินกลาง" ดูประหนึ่งว่า พระองค์จะต้องเป็นแผ่นดินปลาย ซึ่งถือเป็นการอัปมงคล ดังนั้น ครั้งถึงรัชกาลที่ ๔ จึงโปรดให้เรียกพระนามพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ว่า "พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว" โดยอนุโลม จากพระนามเดิมว่า "ทับ" ส่วนพระองค์เองใช้ พระนามว่า  "พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" โดยอนุโลมจากพระนามเดิมว่า "มงกุฎ" นับแต่นั้นมา จึงมีการถวายพระบรมนามาภิไธย ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จารึกพระสุพรรณบัฏทุกรัชกาลสืบมา
ปราสาทพระเทพบิดร
ปราสาทพระเทพบิดร
๒. ปราสาทพระเทพบิดร

            เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมรูปพระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรี ที่เสด็จสวรรคตไปแล้ว ทั้งแปดรัชกาล ประชาชนมีโอกาสที่จะเข้าถวายบังคมพระบรมรูป ในปราสาทนี้ ในวันที่ระลึกมหาจักรี คือ วันที่ ๖ เมษายน ทุกปี
๓. พระมณฑป

            เป็นที่ประดิษฐานพระไตรปิฎก ในตู้มุกรูปทรงเดียวกับพระมณฑป

๔. พระศรีรัตนเจดีย์

            เป็นพระเจดีย์ประดับ กระเบื้องสีทอง เป็นที่ประดิษฐานพระมณฑป

๕. นครวัดจำลอง

            ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ช่างจำลองแบบนครวัดแห่งกรุงกัมพูชา มาสร้างไว้

๖. อนุสาวรีย์ประจำรัชกาล

            ตั้งอยู่บนไพที (ยกพื้น) เดียวกับปราสาทพระเทพบิดร พระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ และนครวัดจำลอง อนุสาวรีย์นี้ มี ๓ องค์ ประดิษฐานบุษบกตั้งพานวางตราประจำ รัชกาล มีฉัตรล้อม และมีรูปช้างโลหะประจำรัชกาลอยู่เชิงอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์องค์หนึ่งประดิษฐานตราประจำรัชกาลที่ ๑, ๒ และ ๓ เป็นรูปอุณาโลม (สำหรับรัชกาลที่ ๑) รูปครุฑ (หมายถึง วิมานฉิมพลีที่สถิต ของพระยาครุฑ อนุโลมตามพระนามเดิมว่า ฉิม) และรูปปราสาท (หมายถึง พระนามเดิมว่า ทับ แปลว่า ที่อยู่) อนุสาวรีย์อีกหนึ่งประดิษฐานตราประจำรัชกาลที่ ๔ เป็นรูปมงกุฎ (พระนามเดิมว่า มงกุฎ) และอนุสาวรีย์อีกองค์หนึ่งประดิษฐานตราประจำรัชกาลที่ ๕ เป็นรูปพระเกี้ยว หรือจุลมงกุฎ (ซึ่งพระราชโอรสชั้นเจ้าฟ้าทรงเวลาโสกันต์) อนุโลมตามพระบรมนามาภิไธยว่า จุฬาลงกรณ์ (เครื่องประดับพระเศียร) หรือจุลจอมเกล้า (ซึ่งอนุโลมเข้ากับจุลมงกุฎด้วยก็ได้)
๗. วิหารยอด

            ครั้งหนึ่งเคยมีวัตถุสำคัญอยู่ใน วิหารนี้คือ พระแท่นมนังศิลาบาตรของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
วิหารยอด
วิหารยอด
            นอกจากสิ่งสำคัญมากที่กล่าวมาแล้ว ในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดารามยังมีสิ่งอื่นๆ อีก เช่น พระปรางค์ประดับกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ ศาลาราย หอระฆัง และภาพเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ตามพระระเบียง เป็นต้น