เล่มที่ 37
โรคไข้หวัดใหญ่
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
กำเนิดของไวรัสไข้หวัดใหญ่

            ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งผลของการเปลี่ยนแปลงทำให้เชื้อไวรัสสามารถดำรงอยู่ได้ และทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่เป็นครั้งคราว โดยมีเชื้อไวรัสที่สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันของตัวผู้ให้อาศัยหรือโฮสต์ (host) ที่มีอยู่เดิมเป็นตัวแพร่เชื้อ จากการศึกษาสารพันธุกรรมของไวรัสในเนื้อเยื่อและแอนติบอดีในตัวอย่างเลือดที่เก็บรักษาไว้ และในเลือดของผู้สูงอายุ เชื่อว่าไวรัสที่มีลักษณะแอนติเจนของฮีแมกกลูตินิน (H) แปลกใหม่ซึ่งติดต่อมาสู่คน ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ ๖ ครั้ง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๒ เป็นต้นมา โดยทั้งหมดเป็นไวรัสที่มีฮีแมกกลูตินินเป็น H1, H2 หรือ H3

วิธีการนำแอนติเจนใหม่ของไวรัสเข้าสู่คนมีแนวคิดอยู่  ๒ ทฤษฎี ได้แก่

            ๑) การนำ H ชนิดใหม่มาจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ในนก 
            ๒) การอุบัติซ้ำของไวรัสที่เคยอยู่ในคนในอดีต ซึ่งผ่านไปนาน จนประชากรส่วนใหญ่ไม่มีความต้านทานต่อเชื้อไวรัสนั้นแล้ว

ไวรัสไข้หวัดใหญ่เอชนิดย่อยที่พบระบาดใหญ่ในคน

ไข้หวัดใหญ่สเปน

            เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน ใน พ.ศ. ๒๔๖๑ ซึ่งถือเป็นการระบาดใหญ่ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีคนเสียชีวิตถึง ๔๐ ล้านคน เชื้อไวรัสเป็นชนิดเอ H1N1 เป็นไวรัสที่แพร่มาจากนกหรือสัตว์ชนิดอื่นมาสู่คนโดยตรง เชื่อว่า เข้าสู่คนครั้งแรก ในสหรัฐอเมริกา หลังสงครามโลก ครั้งที่ ๑ แล้วเกิดการระบาดรอบแรกแต่ไม่รุนแรง หลังจากนั้น กองทัพอเมริกันนำเชื้อไวรัสนี้ เข้าไปในทวีปยุโรป ทำให้เกิดการระบาดรุนแรง ต่อมาได้แพร่กระจายไปทั่วโลก การแพร่กระจายกว้างออกไปเรื่อยๆ ไวรัสปรับตัวเข้ากับตัวผู้ให้อาศัยใหม่ ความรุนแรงของโรคจึงค่อยๆ ลดลง

ไข้หวัดใหญ่เอเชียและไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง

            เกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่เอเชียใน พ.ศ. ๒๕๐๐ และไข้หวัดใหญ่ฮ่องกงใน พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยมีต้นกำเนิดในประเทศจีน จากไวรัสสายพันธุ์ H2N2 และ H3N2 ตามลำดับ ทั้ง ๒ ชนิด เป็นไวรัสสายพันธุ์คละ ซึ่งได้หน่วยพันธุกรรม H และหน่วยพันธุกรรมอื่นบางหน่วย จากไวรัสไข้หวัดใหญ่นก สำหรับไวรัส H3N2 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน แต่ไวรัส H2N2 นั้นไม่พบการติดเชื้อในคนหลังจาก H3N2 เข้ามา

ไข้หวัดใหญ่รัสเซีย

            เกิดการระบาดใน พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นการกลับมาของไวรัส H1N1 พบครั้งแรกในประเทศจีน มีลักษณะเหมือนไวรัสที่ระบาดใน พ.ศ. ๒๔๙๓ เชื่อกันว่าน่าจะเป็นไวรัสที่ถูกเก็บอยู่ในสภาพเยือกแข็ง และได้เล็ดลอดออกมาจากห้องปฏิบัติการ

ไข้หวัดใหญ่เอ ๒๐๐๙

            รู้จักกันในชื่อว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่หมู H1N1 พบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ โดยสืบสายพันธุ์มาจากไวรัสไข้หวัดใหญ่สเปน ที่ทำให้เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ใน พ.ศ. ๒๔๖๑ ทั้งนี้ไวรัสไข้หวัดใหญ่หมูกลุ่มแรกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๔๑ จึงเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่หมูในสหรัฐอเมริกา และเกิดการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนหน่วยพันธุกรรม กับไวรัสไข้หวัดใหญ่ H3N2 ซึ่งข้ามสายพันธุ์มาจากคน เกิดไวรัสคละใหม่ ๒ ชนิด คือ ชนิดคละใหม่ ๒ พันธุ์ ที่มีหน่วยพันธุกรรมจากไวรัสของคนกับไวรัสของหมู และชนิดคละใหม่ ๓ พันธุ์ ซึ่งมีหน่วยพันธุกรรมจากไวรัสของคน ไวรัสของนก และไวรัสของหมู ต่อมาไวรัสชนิดคละใหม่ ๓ พันธุ์ก็ได้แพร่ระบาดออกไป และเกิดการคละใหม่กับไวรัสไข้หวัดใหญ่หมู H1N1 ทำให้เกิดไวรัสลูกผสม ๓ พันธุ์ ชนิด H1N1, H2N1, H3N1 และ H3N2

            ไวรัสไข้หวัดใหญ่เอ ๒๐๐๙ สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบันนี้มีที่มาจากไวรัสไข้หวัดใหญ่หมู เนื่องจาก มีหน่วยพันธุกรรม เป็นส่วนผสมของไวรัสไข้หวัดใหญ่หมู H1N1 ชนิดลูกผสม ๓ พันธุ์ กับไวรัสไข้หวัดใหญ่หมู H1N1 สายพันธุ์จากทวีปยุโรป และเอเชีย ซึ่งมีต้นตอมาจากไวรัสสัตว์ปีก หรืออาจกล่าวว่า มีที่มาจากการคละกันระหว่างไวรัสของหมู ของคน และของนก

ไข้หวัด (ใหญ่) นก (bird flu, avian influenza) 

            เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ในคนที่ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จากสัตว์ปีก มีอาการทางระบบการหายใจเหมือนการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แต่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงกว่า และส่วนใหญ่มักเสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้น