โบราณสถาน และโบราณวัตถุ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทหนึ่ง ที่อาจบอกความเป็นมาของกลุ่มชน หมู่บ้าน เมือง และประเทศชาติ นับตั้งแต่อดีตกาลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันได้ เป็นหน้าที่ของชนรุ่นปัจจุบัน ที่จะต้องอนุรักษ์ทรัพยากรวัฒนธรรมประเภทนี้ไว้ และใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า "...โบราณสถานนั้นเป็นเกียรติของชาติ อิฐเก่าๆ แผ่นเดียวก็มีค่า ควรจะช่วยกันรักษาไว้ ถ้าเราขาดสุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯ แล้ว ประเทศไทยก็ไม่มีความหมาย" นี่คือ กระแสพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ ในวโรกาสที่เสด็จประพาสอยุธยา ย่อมเป็นสิ่งที่ยืนยันความสำคัญอย่างยิ่งของโบราณสถาน ที่มีต่อการพัฒนาประเทศชาติ โดยเฉพาะความสำคัญ ที่เป็นคุณค่าทางจิตใจ
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นวิธีหนึ่ง ที่รัฐใช้จัดการทรัพยากรวัฒนธรรม ให้เป็นประโยชน์ทางด้านการศึกษา สร้างความภูมิใจ ให้คนในชาติ และหารายได้จากการท่องเที่ยว มาช่วยบำรุงโบราณวัตถุสถาน และสร้างงาน ให้กับประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ
ประโยชน์ของโบราณสถานและโบราณวัตถุ
อาจกล่าวได้ว่า โบราณสถาน และโบราณวัตถุนั้น มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศชาติถึง ๒ นัย คือ
๑. นัยที่เกี่ยวเนื่องกับจิตใจของประชาชน
กล่าวคือ โบราณสถานย่อมแสดงความเป็นมาของประเทศ เป็นเกียรติ และความภาคภูมิใจของคนในชาติ เป็นสิ่งที่โยงเหตุการณ์ในอดีต และปัจจุบันเข้าด้วยกัน และเป็นสิ่งที่เรานำมากระตุ้นจิตสำนึกของคนในชาติได้
๒. นัยที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจของประเทศ
กล่าวคือ โบราณสถาน และโบราณวัตถุนั้นเป็น "มรดกวัฒนธรรม" ที่แสดง "เอกลักษณ์" ของประเทศ จึงทำให้เกิดมี "การท่องเที่ยววัฒนธรรม" ทำรายได้มหาศาลได้แก่ ท้องถิ่นที่มีมรดกวัฒนธรรมของตนเอง
ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวชม แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งแตกต่างไปจากประเทศของเขา และจะต้องจ่ายค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร บางที ก็อาจจะซื้อสินค้าอื่นๆ รวมทั้งของที่ระลึก ติดตัวไปด้วย
การท่องเที่ยววัฒนธรรมนี้ ก่อให้เกิดธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องอีกหลายประการ เช่น ธุรกิจการค้าขายอาหาร ธุรกิจการโรงแรม ธุรกิจการจัดพาหนะเดินทาง และธุรกิจการผลิต และจำหน่ายของที่ระลึก เป็นต้น หากรัฐและประชาชนร่วมมือกัน อนุรักษ์โบราณสถาน และโบราณวัตถุ ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ แก่ประเทศชาตินานัปการ แต่ก็ยังมิได้มีกฎหมาย กำหนดลงชัดเจนว่า ประชาชนทั่วไป มีหน้าที่ต้องช่วยอนุรักษ์ด้วยหรือไม่
ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวชม แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งแตกต่างไปจากประเทศของเขา และจะต้องจ่ายค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร บางที ก็อาจจะซื้อสินค้าอื่นๆ รวมทั้งของที่ระลึก ติดตัวไปด้วย
วิชาการอนุรักษ์นั้น เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับวิชาโบราณคดี กรมศิลปากรนิยามคำ "การอนุรักษ์" ว่าหมายถึง "การดูแลรักษาเพื่อให้คงคุณค่าไว้ และให้หมายรวมถึงการป้องกัน การรักษา การสงวน การปฏิสังขรณ์และการบูรณะด้วย" ยิ่งกว่านั้นกรมศิลปากรยังนิยามคำ "การสงวนรักษา การปฏิสังขรณ์และการบูรณะ" ไว้อีกโสดหนึ่ง
สภาพสินค้าเครื่องปั้นดินเผาขนาดต่างๆ ในระวางสินค้าของซากเรืออับปาง ใกล้เกาะทะลุ อ.เมือง จ.ระยอง
การสงวนรักษา
หมายถึง "การดูแลรักษาไว้ตามสภาพของเดิมเท่าที่เป็นอยู่ และป้องกันมิให้เสียหายต่อไป"
การปฏิสังขรณ์
หมายถึง "การทำให้กลับคืนสู่สภาพอย่างที่เคยเป็นมา"
การบูรณะ
หมายถึง "การซ่อมแซม และปรับปรุง ให้รูปทรงมีลักษณะกลมกลืนเหมือนของเดิมมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ต้องแสดงความแตกต่างของสิ่งที่มี อยู่เดิมและสิ่งที่ทำขึ้นใหม่"
ส่วนวิชาโบราณคดีก็คือ วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านกระบวนการเชิงช่าง หรือด้านสิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยศึกษาจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือดัดแปลงแล้ว ตกทอดเป็นหลักฐาน ให้เราศึกษาได้ เช่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุต่างๆ เป็นต้น โบราณสถาน คือ อสังหาริมทรัพย์ เช่น โบสถ์ วิหาร วัง ที่มีอายุกว่า ๑๐๐ ปีขึ้นไป ส่วนโบราณวัตถุ หมายถึง สังหาริมทรัพย์ เช่น พระพุทธรูป เทวรูป ศิลาจารึก มีอายุกว่า ๑๐๐ ปี ขึ้นไปเช่นกัน หลักฐานแห่งการประดิษฐ์ หรือหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของทั้งโบราณสถานก็ดี และโบราณวัตถุก็ดี จะต้องเป็นประโยชน์ในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี สำหรับศิลปวัตถุนั้นคือ สิ่งที่ทำด้วยฝีมือเป็นที่นิยมกันว่า มีคุณค่าทางศิลปะ
ภายหลังการขุดค้นแล้ว นักโบราณคดีใต้น้ำ ทำการเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุ จากใต้ทะเล ขึ้นสู่ผิวน้ำ
อนึ่ง ยังมีค่าสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนี้อีก ๔ คำ ที่ควรเอ่ยถึง คือ แหล่งโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรม แหล่งโบราณคดีเป็นคำเกิดขึ้นมาใหม่หมายถึง บริเวณที่มีหลักฐานของพฤติกรรมมนุษย์ในอดีต ทั้งที่อยู่บนดิน ใต้ดิน และใต้น้ำ เช่น ที่อยู่อาศัย สุสาน ศาสนสถาน หรือสถานะที่ประกอบอาชีพ และแหล่งเรืออับปาง อุทยานประวัติศาสตร์ ก็เป็นคำใหม่เช่นกัน หมายถึง บริเวณที่มีหลักฐานสำคัญ ทางประวัติศาสตร์สมัยใดสมัยหนึ่งของประเทศ หลักฐาน และความสำคัญดังกล่าว อาจเป็นทางวัฒนธรรม การเมือง และสังคมวิทยาก็ได้ ส่วนคำว่า อารยธรรม นั้นหมายเฉพาะ ความเจริญระดับเมือง แต่คำว่า วัฒนธรรม หมายถึง ชีวิตความเป็นอยู่ทุกแง่มุมของมนุษย์ ในกลุ่มสังคมต่างๆ เช่น วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมจีน เป็นต้น คุณลักษณะเด่นที่สุดของ วัฒนธรรมก็คือ เป็นมรดกทางด้านความคิด หรือปทัฏฐาน ที่สืบทอดกันต่อมา เป็นเครื่องแสดงถึงระดับสติปัญญา และความสามารถของมนุษย์ ที่ได้นำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้สอย นานัปการ เช่น สามารถนำดินมาผลิตเป็นเครื่องปั้นดินเผาได้อย่างสวยงาม เป็นต้น
เครื่องปั้นดินเผา จากแหล่งเตาแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี สินค้าส่งออกสมัยอยุธยา กองทัพเรือยึดได้จากเรือออสเตรเลียไทด์ ที่เข้ามาลักลอบงมจากซากเรือสำเภาโบราณ กลางอ่าวไทย ก่อนที่จะส่งไปขายยังต่างประเทศ
สมบัติวัฒนธรรม
เมืองไทยของเรามีสมบัติวัฒนธรรมมากมาย ปรากฏย้อนหลังไปนับเป็นหมื่นเป็นแสนปี มีทั้งที่เป็นของที่คนสร้าง หรือดัดแปลงขึ้นสำหรับใช้สอย เช่น ถ้วยชาม สำหรับเป็นเครื่องมือ หรืออาวุธ เช่น หวาน มีด หอก ค้อน เบ็ด ฉมวก ฯลฯ สำหรับเป็นเครื่องประดับ เช่น กำไล สร้อย ลูกปัด ต่างหู ฯลฯ วัสดุที่ใช้มีหลายหลากตั้งแต่ หิน โลหะ และไม้ นอกจากนี้ ยังพบประติมากรรมอยู่ตามที่ต่างๆ โบราณสถานก็มี โดยเฉพาะโบราณสถานที่เป็นศาสนสถาน หรือปูชนียสถานหลายแห่ง ผู้คนยังใช้สอยสืบต่อกันมาแต่ต้น จนปัจจุบันนี้ นักโบราณคดีเรียกโบราณสถานประเภทนี้ว่า "อนุสาวรีย์ที่ยังมีชีวิต" ส่วนโบราณสถานที่เลิกใช้ประกอบพิธีแล้วเป็น "อนุสาวรีย์ที่ตายแล้ว"
ลูกปัดแก้วแบบต่างๆ ที่เป็นสินค้า มาจากประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน กว่าพันปีมาแล้ว พบในแหล่งโบราณคดีภาคใต้ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน (ปัจจุบัน เก็บรักษาไว้ ที่พิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม จังหวัดกระบี่)
ในการจัดประเภทของโบราณสถาน นักโบราณคดีมีระบบ ดังนี้
๑. จัดประเภทตามสมัยๆ หนึ่ง
ได้แก่ ก่อนประวัติศาสตร์ เป็นเวลาที่มนุษย์ ยังไม่มีตัวหนังสือสำหรับบันทึกเรื่องต่างๆ เป็นลายลักษณ์อักษร อีกสมัยหนึ่งคือ สมัยประวัติศาสตร์ เมื่อมนุษย์บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ และความรู้สึกนึกคิดเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว
โบราณสถานในประเทศไทยกว่าหนึ่งพันแห่ง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคน ที่มีคูและคันดินล้อมรอบ สามารถตรวจสอบได้จากภาพถ่ายทางอากาศ ในภาพเป็นบ้านหนองปรือ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
๒. จัดประเภทตามการใช้สอย แบ่งเป็นแหล่งโบราณคดี ๓ แหล่ง
แหล่งที่หนึ่งคือ แหล่งที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะมีคูคันดิน หรืออาจจะไม่มีก็ได้ แหล่งที่สองคือ แหล่งพิธีกรรม เช่น สุสาน และศาสนสถาน เป็นต้น แหล่งที่สามคือ แหล่งอุตสาหกรรมที่อาจจะพบเตาเผาถ้วยชาม มีแหล่งโลหะเหมืองแร่ หรือแหล่งสกัดหิน ฯลฯ
การอนุรักษ์โบราณสถานมีหลายวิธี วิธีหนึ่งเป็นการเสริมความมั่นคง และอีกวิธีหนึ่ง คือ การบูรณะบางส่วนหรือทั้งหมด การบูรณะทั้งหมดจะต้องรื้อออก เพื่อปรับฐานใหม่ ไม่ให้ทรุด แล้วก่ออิฐหรือหินขึ้นไปใหม่ จึงแลเห็นเรียบ มองเป็นของใหม่ ไม่โบราณเหมือนที่เป็นซากปรักหักพัง ภาพนี้เป็นภาพการบูรณะที่วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา
วิธีอนุรักษ์โบราณสถานและโบราณวัตถุ
กรมศิลปากร เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ การอนุรักษ์โบราณสถาน และโบราณวัตถุ การซ่อม บูรณะ หรือสงวนรักษานั้น จะต้องกระทำอย่างระวัง มิให้เสียหายไปกว่าเดิม ทั้งนี้เพื่อรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม และความเป็นโบราณสถาน และโบราณวัตถุของสิ่งนั้น กรมศิลปากรนั้นได้วางระเบียบปฏิบัติหลายประการ ว่าด้วยการอนุรักษ์สมบัติวัฒนธรรมแต่ละข้อ ล้วนแต่เน้นเรื่องการรักษาให้คงคุณค่าของเดิม ให้ปรากฏเด่นชัดมากที่สุด เช่น ระเบียบข้อที่ ๑๔ ระบุว่า "โบราณสถานที่เป็นปูชนียสถานอันเป็นที่เคารพบูชา ซึ่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีของประชาชนโดยทั่วไป จะต้องบูรณะไว้โดยไม่มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงลักษณะ สี ทรวดทรง ซึ่งจะทำให้โบราณสถานนั้นหมดคุณค่า หรือเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป" เป็นต้น