คนไทยมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดครอบครัวขยายออกไปอย่างมั่นคง กล่าวคือ เมื่อมีการแต่งงาน ฝ่ายชายมักจะมาอยู่กับครอบครัวฝ่ายหญิง ช่วยกันทำมาหากิน เช่น ทำไร่ ทำนาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง เมื่อคนทั้งสองคนสามารถเป็นหลักของครอบครัวได้ ทั้งคู่ก็จะแยกไปมีบ้านเรือนของตนเอง โดยบิดามารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะยกที่ดินให้เป็นที่ประกอบอาชีพ แต่จะไม่ไปอยู่ห่างไกลจากบิดามารดา นอกจากนี้คนไทยยังมีประเพณีในการนับถือญาติ ของทั้งสองฝ่าย เป็นญาติกันด้วย ดังนั้นในการแต่งงานแต่ละครั้ง ก็จะเพิ่มญาติมากขึ้น ผลดีก็คือ ทำให้คนไทยมีความสนิทสนม เคารพญาติ ทำให้มีความเป็นอยู่ที่อบอุ่น มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมากขึ้น
ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ของคนไทย เป็นการขัดเกลาจิตใจ ให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การอุปสมบท
วัฒนธรรมที่สำคัญของคนไทยคือ การยึดเอาพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เช่น การใส่บาตรพระภิกษุ สามเณรในเวลาเช้า การนำอาหารไปถวายพระ ที่วัดทุกวันพระ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดเกลาจิตใจ ให้มีความเสียสละ มีความเมตตาเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น
ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ของคนไทย เป็นการขัดเกลาจิตใจ ให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การตักบาตรในตอนเช้า
นอกจากนี้ การทำบุญประจำเทศกาล เช่น การทำบุญวันสงกรานต์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับแล้ว การนำของขวัญ และน้ำอบ ไปรดน้ำขอพรจากญาติผู้สูงอายุ เป็นการฝึกฝนคนให้มีความกตัญญู การทำบุญวันเข้าพรรษา การทอดกฐิน ล้วนแต่เป็นการกล่อมเกลาจิตใจให้มีความเสียสละ เพื่อส่วนรวม มีความสามัคคี และเอื้อเฟื้อ ซึ่งกันและกัน
การเทศน์ของพระภิกษุ สอนให้คนเชื่อในเรื่องบาปกรรมว่า ทำบาปแล้วต้องรับกรรม หากทำดีในชาตินี้ก็จะมีความสุขในชาติหน้า
คนไทยส่วนมาก อ่อนน้อมต่อผู้สูงอายุ เคารพพระสงฆ์ และกลัวการทำบาป เพราะยังเชื่อในบาปกรรมว่า ทำบาปมาแล้ว ต้องรับกรรม ถ้าทำดีในชาตินี้ ก็จะได้รับความสุขในชาติหน้า
สังคมไทยกับวัฒนธรรมไทยต่างเกื้อหนุนกัน จึงยังดำรงอยู่ได้ ถึงแม้วัฒนธรรมต่างชาติ จะเข้ามามีอิทธิพลอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่สามารถลบล้างประเพณี และความเชื่อ ในหลักพุทธศาสนาไปได้อย่างหมดสิ้น