โอ๊บ โอ๊บ
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรำพรำ
กบมันก็ร้องงึมงำ ระงมไปทั่วท้องนา
ฝนตกทีไร คิดถึงหัวใจของข้า
แม่ดอกโสนบ้านนา น้องเคยเรียกข้าพ่อดอกสะเดา
รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ร้องเพลง ฝนเดือนหก ไพเราะเหลือเกิน ผู้ฟังฟังแล้วนึกถึงภาพท้องทุ่งที่ต้นข้าวเขียวขจีสุดสายตา ฝนโปรยพรำๆ ละอองเย็นชื่นฉ่ำ เสียงกบร้องที่โน่น ที่นี่ ราวกับเรียกหาคู่ เหมือนหัวใจของหนุ่มลูกทุ่งคิดถึงน้องที่อยู่ไกล จนต้องร้องไห้โหยหา
เนื้อเพลงฝนเดือนหกท่อนแรกที่ยกมานำเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของเพลงลูกทุ่ง ซึ่งเป็นเพลงไทยรูปแบบหนึ่ง เพลงลูกทุ่งมีทำนองง่ายๆ ไพเราะ ฟังเพลิน บรรยายภาพชีวิตและธรรมชาติในชนบท ถ้อยคำภาษาที่แต่งเป็นเนื้อร้องนั้น ส่งสัมผัสคล้องจอง และเปรียบเทียบกับธรรมชาติแวดล้อม ดังเช่น ชายหนุ่มในเพลงนี้เรียกสาวคนรักว่า "แม่ดอกโสนบ้านนา" และสาวก็เรียกหนุ่มคนรักว่า "พ่อดอกสะเดา"
นักร้องลูกทุ่งแต่ละคน มีลีลาการร้องในแบบของตนเอง และสำเนียงการร้องแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น นักร้องลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงนั้น มีมากมายหลายยุคสมัย ที่คนรุ่นใหม่พอจะเคยได้ยินชื่อ เช่น สมยศ ทัศนพันธ์ ผ่องศรี วรนุช พุ่มพวง ดวงจันทร์ สายัณห์ สัญญา มนต์สิทธิ์ คำสร้อย จินตหรา พูนลาภ จักรพรรณ์ อาบครบุรี นักร้องลูกทุ่งที่หล่อหรือสวย และเสียงดี จะมีผู้ฟังชื่นชอบและยกเป็นนักร้องในดวงใจ โดยเรียกมิตรรักแฟนเพลงที่คอยติดตามมอบพวงมาลัยติดเงินรางวัล ครั้งละจำนวนมากนี้ว่า "แม่ยก"
การจัดเวทีแสดงดนตรีลูกทุ่งนั้นนับว่าสวยงาม ประดับด้วยดวงไฟหลากสี ทั้งนักร้องนักดนตรีแต่งชุดที่ออกแบบวิลิศมาหรา จัดว่า เป็นหน้าเป็นตาของวง องค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ คือ หางเครื่องที่มีจำนวนมากกว่า ๑๐ คน ทั้งหนุ่มและสาว แต่งตัวนำสมัย เต้นประกอบเพลงด้วยลีลาที่งดงาม และพร้อมเพรียง การแสดงดนตรีและเพลงลูกทุ่งจึงเป็นที่นิยมของคนไทย ช่วยสร้างความบันเทิงใจอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน