การจัดตั้งการประปาส่วนภูมิภาคเป็นรัฐวิสาหกิจ
การจัดหาน้ำสะอาดในรูปแบบน้ำประปาสำหรับประชาชนใช้อุปโภคบริโภค เดิมมีหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๑๔) อยู่ ๒ หน่วยงานหลัก ได้แก่
ระบบประปาหมู่บ้านในชนบท
๑. กองประปาภูมิภาค กรมโยธาธิการ
อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ในการดำเนินการก่อสร้าง ระบบประปา และดูแลระบบการผลิตจำหน่ายน้ำประปาในเขตเมืองหรือในชุมชน ที่มีจำนวนประชากรตั้งแต่ ๕,๐๐๐ คนขึ้นไป ซึ่งมีการประปาในความดูแลรับผิดชอบ ก่อนที่จะจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจจำนวน ๑๘๕ แห่ง
๒. กองประปาชนบท กรมอนามัย
อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่ดำเนินการและรับผิดชอบการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน หรือการประปาขนาดเล็กในชุมชนที่มีจำนวนประชากรไม่เกิน ๕,๐๐๐ คน โดยร่วมกับท้องถิ่น เมื่อก่อสร้างระบบประปาแล้วเสร็จ ก็มอบให้แก่ท้องถิ่น ได้แก่ สุขาภิบาล หรือหมู่บ้านเป็นผู้บำรุงรักษาดูแลต่อไป มีอยู่จำนวน ๕๕๐ แห่ง ก่อนที่จะจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ
ต่อมาเมื่อความต้องการน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคและบริโภคเพิ่มมากขึ้น การผลิตและจำหน่ายน้ำของกองประปาภูมิภาค กรมโยธาธิการ มีข้อจำกัดด้านระเบียบราชการ ทำให้การดำเนินงานไม่คล่องตัวเหมือนเช่นหน่วยงานธุรกิจเอกชนทั่วไป รัฐบาลสมัย พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จึงได้มอบหมายให้สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ทำการศึกษาวิธีการจัดรูปแบบ การบริหารกิจการประปาในส่วนภูมิภาคให้มีความคล่องตัวในด้านการให้บริการ คณะรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้มีมติ ให้มีการปรับรูปแบบการดำเนินกิจการประปาของกองประปาภูมิภาค กรมโยธาธิการ ให้เป็นรูปแบบการบริหารแบบรัฐวิสาหกิจ ตามข้อเสนอของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดตั้งการประปาส่วนภูมิภาคขึ้น และตราเป็น พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยโอนกิจการ ตลอดจนข้าราชการและลูกจ้าง ของกองประปาภูมิภาค กรมโยธาธิการ จำนวน ๑๘๕ แห่ง และกองประปาชนบทของกรมอนามัย จำนวน ๕๕๐ แห่ง มารวมกันเป็น "การประปาส่วนภูมิภาค" ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้นมา โดยทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในการผลิต และให้บริการน้ำประปาในเขตพื้นที่ ๗๔ จังหวัดในประเทศไทย (ยกเว้นจังหวัดนนทบุรี และสมุทรปราการ) ปัจจุบันมีสาขาจำนวน ๒๓๓ สาขา (ข้อมูล พ.ศ. ๒๕๕๖)