เด็กๆ คงจะเคยได้ยินสุภาษิตว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" ซึ่งหมายความว่า ให้รู้จักกาลเทศะในการพูด รู้ว่า เมื่อใดควรพูด และเมื่อใดไม่ควรพูด ถ้าพูดแล้วไม่ได้ประโยชน์ก็ควรนิ่งเงียบเสีย นอกจากนี้ ยังมีสำนวนพูดอีกสำนวนหนึ่งว่า "อัฐยายซื้อขนมยาย" หมายถึง การเอาเงินของผู้ใดผู้หนึ่งไปซื้อ หรือแลกสิ่งของอื่นของผู้นั้น โดยผู้ซื้อไม่ต้องออกเงินของตนเอง
ในสุภาษิตและสำนวนข้างต้น มีคำหลายคำที่เกี่ยวข้องกับเงินตราที่ใช้กันในสมัยก่อนคือ เบี้ย อัฐ ไพ ตำลึง ซึ่งในปัจจุบันเราเลิกใช้แล้ว โดยใช้เป็นบาท และสตางค์แทน ถ้าเด็กๆต้องการจะทราบว่า เงินที่ใช้กันในสมัยก่อนเรียกชื่อว่าอะไรบ้าง และมีความเป็นมาอย่างไร ก็อาจศึกษาได้จากเรื่องของเงินตรา รวมทั้งดูรูปของเงินเหรียญที่เรียกว่า เหรียญกษาปณ์ และเงินที่พิมพ์ในกระดาษที่เรียกว่า ธนบัตร ซึ่งได้ผลิตออกใช้ในช่วงระยะเวลาต่างๆ ที่ผ่านมามีรูปร่างลักษณะที่น่าสนใจมาก
นอกจากเหรียญกษาปณ์และธนบัตรแล้ว ในปัจจุบันยังมีการนำสิ่งอื่นๆมาใช้แทนเงินตราได้ด้วย ได้แก่ บัตรเครดิต และเช็ค-ธนาคาร เวลาไปซื้อของตามห้างร้านใหญ่ๆบางแห่ง เราอาจไม่ต้องจ่ายเป็นเงินสด แต่สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตหรือเช็คธนาคารแทนก็ได้ นับว่าระบบเงินตราในปัจจุบันมีความก้าวหน้ากว่าแต่ก่อนมาก