เล่มที่ 26
นิทานพื้นบ้านไทย
สามารถแชร์ได้ผ่าน :

            นิทานพื้นบ้าน คือ เรื่องที่เล่ากันต่อๆ มาจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง โดยที่ไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้แต่ง เช่น นิทานเรื่อง สังข์ทอง ปลาบู่ทอง หรือโสนน้อยเรือนงาม มีการเล่าสู่กันฟังจากปู่ย่าตายายของเรา พ่อแม่ของเรา รวมทั้งตัวเราเอง ไปจนถึงลูกหลานเหลนโหลนของเรา เป็นทอดๆ กันไป รุ่นแล้วรุ่นเล่า บางครั้งก็แพร่กระจายจากท้องถิ่นหนึ่งไปสู่อีกท้องถิ่นหนึ่ง เช่น นิทานเรื่อง สังข์ทอง อาจมีหลายสำนวน แล้วแต่ความทรงจำความเชื่อ อารมณ์ของผู้เล่า และวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น


            นิทานพื้นบ้านไทยนั้น มีทั้งนิทานไทย ที่เล่าสู่กันฟังในหมู่บ้านท้องถิ่นต่างๆ และนิทานที่มาจากต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม แต่คนไทยก็รับเข้ามาไว้ในวัฒนธรรมไทยอย่างกลมกลืนสนิทสนม เช่น มหากาพย์รามายณะของอินเดีย ได้กลายมาเป็นนิทานพื้นบ้านไทยหลายเรื่อง เช่น พระลัก-พระลาม ทางภาคอีสาน หรือ พรหมจักร-หรมาน ทางภาคเหนือ เป็นต้น

นักคติชนวิทยาแบ่งนิทานไทยออกเป็นประเภทต่างๆ ๑๑ ประเภท คือ

            (๑) นิทานเทวปกรณ์ หรือ ตำนานปรัมปรา

            (๒) นิทานมหัศจรรย์

            (๓) นิทานชีวิต

            (๔) นิทานประจำถิ่น

            (๕) นิทานคติสอนใจ

            (๖) นิทานอธิบายสาเหตุ

            (๗) นิทานเรื่องสัตว์

            (๘) นิทานเรื่องผี

            (๙) นิทานมุขตลก

            (๑๐) นิทานเรื่องโม้

            (๑๑) นิทานเข้าแบบ

๑. นิทานเทวปกรณ์ หรือตำนานปรัมปรา

            นิทานประเภทนี้ มักเป็นเรื่องเล่าถึงกำเนิดจักรวาล โลก มนุษย์ สัตว์ และพืช เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ลม ฝน จันทรคราส สุริยคราส ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฯลฯ หรือเล่าตำนานสร้างโลก เช่น เรื่องปู่สังกะสาย่าสังกะสี หรือปู่สางสีและย่าสางไส้ กล่าวว่า ผู้มีอำนาจมากเป็นผู้สร้างมนุษย์คู่แรกนี้ขึ้น มนุษย์ทั้งหลายล้วนเป็นลูกหลานของปู่สางสีและย่าสางไส้ทั้งสิ้น

            บางตำนานกล่าวถึงกำเนิดโลกและมนุษย์ในสมัยปฐมกัลป์ว่า เกิดไฟไหม้โลก แล้วยังมีฝนตกใหญ่จนน้ำท่วมโลก เมื่อน้ำแห้ง ดินมีกลิ่นหอมขึ้นไปถึงสวรรค์ จนเทวดาต้องเหาะลงมากินก้อนดิน เมื่อกินแล้วเหาะกลับสวรรค์ไม่ได้ จึงต้องอยู่ในโลก แล้วเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์สืบมา

            นอกจากนั้น นิทานประเภทนี้ยังใช้อธิบายที่มาของพิธีกรรม เช่น ตำนานข้าว ตำนานขอฝน

๒. นิทานมหัศจรรย์

            เป็นนิทานเกี่ยวกับของวิเศษ สิ่งมหัศจรรย์ และสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ใฝ่ฝัน อยากได้ อยากเป็น เช่น การแปลงตัว การเหาะเหินเดินอากาศ และการเนรมิตของวิเศษ เป็นต้น

            นิทานไทยที่เข้าข่ายนิทานมหัศจรรย์ คือ นิทานจักรๆ วงศ์ๆ มีเจ้าหญิงเจ้าชาย มีของวิเศษหรือสัตว์เป็นผู้คอยช่วยเหลือ พระเอกในบางเรื่องสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เช่น เรื่องสังข์ทอง ปลาบู่ทอง โสนน้อยเรือนงาม นางสิบสอง พระสุธน-มโนห์รา เป็นต้น


๓. นิทานชีวิต

            มีลักษณะเป็นเรื่องที่เชื่อว่า เกิดขึ้นจริง มีบุคคล และสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ นิทานชีวิตของไทยบางเรื่อง มีลักษณะเป็นนิทานประจำถิ่นด้วย เช่น ไกรทอง เป็นนิทานประจำจังหวัดพิจิตร เรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นนิทานประจำถิ่นจังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น

๔. นิทานประจำถิ่น

            เป็นนิทานที่เล่าสืบทองกันมาในท้องถิ่นต่างๆ และเชื่อกันว่า เคยเกิดขึ้นจริงๆ เนื้อเรื่องมักเกี่ยวข้อง หรืออธิบายความเป็นมาของสิ่งต่างๆ หรือสถานที่ที่มีอยู่ในท้องถิ่น ๒ ประการ คือ สิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ภูเขา เกาะ หิน ถ้ำ ลำธาร ฯลฯ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถูปเจดีย์ เป็นต้น เช่น นิทานเรื่อง พระร่วง ที่เชื่อกันว่า เป็นผู้สร้างสวนขวัญสระอโนดาต ในสุโขทัย หรือเรื่อง ท้าวแสนปม และเรื่อง พระยากง-พระยาพาน นิทานประจำถิ่นของจังหวัดนครปฐม ที่เล่าเรื่องปฐมเหตุแห่งการสร้างพระปฐมเจดีย์ และเรื่องตาม่องล่าย นิทานประจำถิ่นแถบชายทะเลตะวันออกของอ่าวไทย ตั้งแต่จังหวัดตราด จันทบุรี เพชรบุรี ไปจนถึงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก โดยเล่าตำนานของเกาะสาก เขาแม่รำพึง หอยพลูมวน ฯลฯ

๕. นิทานคติสอนใจ

            นิทานประเภทนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณค่าของจริยธรรม และผลแห่งกรรม หากทำกรรมดีย่อมได้ดี ทำกรรมชั่วย่อมได้ชั่ว กรรมดี ได้แก่ ความกตัญญู ความเมตตากรุณา ความซื่อสัตย์ และความเลื่อมใสศรัทธราในพระศาสนา ส่วนกรรมชั่ว ได้แก่ ความอกตัญญู ความใจร้ายโหดเหี้ยม ความทุจริต และความไม่เลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนา เช่น นิทานเรื่องลูกกตัญญู ของหมู่บ้านบ้าน ในตำบลนาป่า อำเภอเมืองฯ จังหวัดชลบุรี เป็นต้น

๖. นิทานอธิบายสาเหตุ

            เป็นนิทานที่เล่าถึงสาเหตุที่มนุษย์ สัตว์ และพืช มีลักษณะรูปร่าง สีสัน ความประพฤติต่างๆ กัน เช่น เหตุที่งูเหลือมไม่มีพิษ เหตุที่เต่ามีกระดองเป็นลวดลาย ทำไมกาจึงมีขนสีดำ ส่วนนกยูงมีขนสีเหลือบสวยงาม เป็นต้น

๗. นิทานเรื่องสัตว์

            เป็นเรื่องเกี่ยวกับลักษณะอุปนิสัยของสัตว์ เช่น แมวชอบกินหนู สัตว์โง่ สัตว์ฉลาด สัตว์เจ้าเล่ห์ เช่น ลิง กระต่าย เต่า หอย จระเข้

๘. นิทานเรื่องผี

            ผีในนิทานไทยมีหลายประเภท เช่น ผีคนตาย ผีบ้านผีเรือน ผีประจำต้นไม้ ผีป่า ผีที่สิงอยู่ในร่างของคน และผีเบ็ดเตล็ด

            ผีคนตายมักเป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับผีตายโหง คือ ผีคนตาย เนื่องจากอุบัติเหตุ หรือถูกฆาตกรรม การตายด้วยเหตุสองประการนี้ ผู้ตายมักไม่ทันรู้ตัว เราจึงเชื่อว่า วิญญาณมักเที่ยวหลอกหลอน หรือสิงอยู่ ณ สถานที่ที่ตาย เช่น ถนน สะพาน แม่น้ำ เป็นต้น ผีตายทั้งกลม ก็มีผู้คนกลัวกันมาก ผีประเภทนี้คือ ผีผู้หญิง ซึ่งตายขณะที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังคลอดลูก เช่นเรื่อง ผีนางนาคพระโขนง

            ผีบ้านผีเรือน คือ ผีที่อยู่ประจำรักษาบ้านเรือน บางคนเชื่อว่า เป็นผีบรรพบุรุษ ที่คอยคุ้มครองผู้อยู่ในบ้านเรือน และทรัพย์สมบัติให้ปลอดภัย

ที่ต้นไม้ใหญ่ๆ เช่น ต้นตะเคียน มักเชื่อกันว่า มีผีประจำ ส่วนผีป่า แสดงให้เห็นว่า ตามป่าเขาลำเนาไพรนั้น มีผีป่าคอยคุ้มครอง หลอกหลอน หรือทำร้าย แล้วแต่พฤติกรรมของมนุษย์ที่เข้าไปในป่า

ส่วนผีที่ชอบสิงอยู่ในร่างของคน ได้แก่ ผีปอบ ผีกระสือ และผีโพง ผีพวกนี้ชอบกินของสกปรก ของสด และของคาว เช่น กบ หรือเขียดเป็นๆ

๙. นิทานมุขตลก

            มี ๒ ประเภท คือ มุขตลกหยาบโลน และมุขตลกไม่หยาบโลน

            มุขตลกหยาบโลน ส่วนใหญ่ล้อเลียนผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ได้แก่ พระ ชี ล้อเลียนเครือญาติ เช่น ลูกเขยกับแม่ยาย พี่เขยกับน้อยเมีย หรือพ่อผัวกับลูกสะใภ้

            มุขตลกไม่หยาบโลน มักมีแนวคิดเกี่ยวกับความฉลาด ความโง่ หรือความเปิ่น ความเกียจคร้าน บางครั้งก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนต่างชาติต่างถิ่นด้วย

๑๐. นิทานเรื่องโม้

            เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับสิ่งใหญ่โต เช่น เรื่องอ้ายง้มฟ้า ของภาคเหนือ มีรูปร่างสูงใหญ่เกือบจรดฟ้า หรือเรื่องตะขาบใหญ่กินช้าง ของบ้านในจังหวัดชลบุรี

            เรื่องโม้อีกประเภทหนึ่งเกี่ยวกับความสามารถพิเศษ หรือมีพลังมหาศาล เช่น เรื่องอ้ายเจ็ดไห ของภาคเหนือ ซึ่งกินข้าวทีเดียวหมดไปเจ็ดไห ทั้งๆ ที่เป็นทารกเพิ่งเกิด เขาเป็นคนที่กำลังวังชามาก จนสามารถยกเรือสำเภาได้

            เรื่องโม้ประเภทที่สาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์อันผิดวิสัย หรือเหตุบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ เช่น เรื่องนกสองฝูง จากตำบลโรงช้าง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง นกทั้งสองฝูงต่างบินมาคนละทิศ ขณะแดดกำลังร้อนจัด จึงพากันอ้าปากบิน และรีบบินอย่างรวดเร็ว เมื่อสวนทางกัน นกทั้งสองฝูงจึงชนกัน ตกลงมาตายหมด

๑๑. นิทานเข้าแบบ

            เท่าที่มีผู้รวบรวมไว้ นิทานเข้าแบบของไทย มี ๒ ประเภท คือ นิทานไม่รู้จบ และนิทานลูกโซ่

            นิทานไม่รู้จบ คือ นิทานที่เล่าไปได้เรื่อยๆ ไม่มีวันจบ เช่น เรื่องชาวประมงทอดแห ได้ปลาเป็นจำนวนมาก ขณะที่ดึงแหขึ้นมา แหก็ขาดไปรูหนึ่ง ปลาตัวหนึ่งก็ลอดออกไป เมื่อเล่าถึงตอนนี้ ผู้เล่าก็หยุด ผู้ฟังก็ถามด้วยความสนใจว่า แล้วอย่างไรต่อไป ผู้เล่าก็เล่าต่อว่า แล้วตัวที่สองก็หลุดลอดไป (หยุด) แล้วตัวที่สามก็หลุดไป (หยุด) แล้วตัวที่สี่ก็หลุดลอดออกไป... เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย

            ส่วนนิทานลูกโซ่ เล่าถึงพฤติกรรมของตัวละคร ที่เกี่ยวข้องกับเป็นลูกโซ่ เช่น เรื่องยายกับตา

            นิทานพื้นบ้านของไทย เป็น "มรดก" ทางวัฒนธรรมที่ชาวบ้านบอกเล่า ถ่ายทอดสู่ลูกหลาน มีทั้งนิทานเก่า และนิทานใหม่ เป็นวิธีหนึ่งที่จะปลูกฝังให้ลูกหลานรับรู้ และตระหนักว่า ปู่ย่าตายายมีวิถีชีวิต มีศรัทธา และมีจริยธรรมอย่างไร แม้ปัจจุบันสังคมจะเปลี่ยนไป แต่นิทานพื้นบ้านก็ยังเป็น "รากเหง้า" ที่ลูกหลานไทยควรจะรู้จักรักษา และเล่าสืบทอดต่อไปตราบชั่วกาลนาน