ข้าวโพดเป็นพืชพวกหญ้า นิยมปลูกแพร่หลายในประเทศไทย และต่างประเทศ คนไทยรู้จักรับประทานข้าวโพดในรูปของฝักสด ต้ม หรือเผา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวโพดหวาน และข้าวโพดข้าวเหนียว ฝักอ่อนใช้ปรุงอาหารได้คล้ายๆ หน่อไม้ นอกจากรับประทานฝักสดแล้ว ยังนิยมรับประทานข้าวโพดคือ เมล็ดข้าวโพดที่ตากแห้งแล้วนำมาคั่ว
ลักษณะลำต้นข้าวโพด
ข้าวโพดที่ผลิตได้ในประเทศไทยส่วนใหญ่ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ทำรายได้ให้แก่ประเทศปีละประมาณ ๖,๐๐๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือเลี้ยงสัตว์ และเก็บไว้ปลูกต่อไป ในบางประเทศ ประชาชนนิยมรับประทานข้าวโพดเป็นอาหารหลัก คล้ายๆ กับคนไทยรับประทานข้าว นอกจากนั้นส่วนต่างๆ ของข้าวโพดยังนำไปใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรมได้อีกมาก จึงนับว่า ข้าวโพดเป็นพืชที่มีความสำคัญของโลกชนิดหนึ่งรองจากข้าวเจ้า และข้าวสาลี
ข้าวโพดมีลำต้นแข็งแรง และตั้งตรงคล้ายต้นอ้อย ความสูงของลำต้นแตกต่างกันไปตามพันธุ์อาจสูงตั้งแต่ ๓๐ เซนติเมตร ไปจนถึง ๖ เมตร ลำต้นเป็นปล้องๆ อาจมีตั้งแต่ ๘-๒๐ ปล้อง ช่อดอกตัวเมียซึ่งจะเจริญเป็นฝักข้าวโพด เกิดที่ข้อประมาณกลางๆ ต้น ต้นหนึ่งอาจมีหลายฝักก็ได้ สำหรับช่อดอกตัวผู้นั้น อยู่ตรงส่วนยอดของลำต้น เนื่องจากมีดอกตัวผู้ และดอกตัวเมีย แยกกันอยู่ในต้นเดียวกัน ข้าวโพดจึงเป็นพืชที่ผสมข้ามตามธรรมชาติ กล่าวคือ ละอองเกสรตัวผู้จากต้นหนึ่ง จะปลิวไปผสมกับดอกตัวเมียของต้นอื่นเป็นส่วนมาก
การปลูกข้าวโพดทำได้ง่าย เนื่องจากข้าวโพดขึ้นได้ดีเกือบทุกท้องที่ ที่มีความชื้นเพียงพอ ในแถบร้อน แถบอบอุ่น และแม้แต่แถบหนาวก็ปลูกข้าวโพดได้ ที่ดอนเหมาะแก่การปลูกข้าวโพด เพราะระบายน้ำได้ดี ก่อนปลูกควรเตรียมดินให้ดี การปลูกใช้เมล็ดปลูก โดยหยอดเมล็ดลงไปในหลุมๆ ละประมาณ ๒-๓ เมล็ด ระยะระหว่างหลุมห่างกันประมาณ ๕๐ เซนติเมตร และควรเป็นแถวห่างกันประมาณ ๑ เมตร หลังจากนั้น ดูแลรักษาให้ดีเหมือนพืชอื่น เช่น คอยถอนวัชพืชทิ้ง อายุของข้าวโพดตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวแตกต่างกันไป แล้วแต่ชนิด ข้าวโพดหวานจะออกฝักให้เก็บได้ใน ๖๐-๗๐ วัน หลังจากปลูกข้าวโพดไร่ ต้องใช้เวลาประมาณ ๑๑๐-๑๒๐ วัน จึงเก็บฝักแก่ได้
ฝักข้าวโพด