รูปแบบการให้บริการด้านการศึกษาแก่เยาวชนผู้พิการ นับตั้งแต่มีการจัดการศึกษาพิเศษเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเริ่มเปิดสอนเยาวชน ที่มีความบกพร่องทางการเห็นในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็นต้นมานั้น การจัดการศึกษาพิเศษส่วนใหญ่ ในระยะแรกๆ เป็นการจัดในโรงเรียนพิเศษ แยกจากการจัดการเรียนการสอนสำหรับเยาวชนปกติทั่วไป แต่การจัดการศึกษาพิเศษมิได้มีอยู่เพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น ยังมีรูปแบบอื่นๆ อีกหลายรูปแบบ ที่ได้มีการจัดให้กับเยาวชนผู้พิการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่จำเป็นของเยาวชน ผู้พิการที่มีความแตกต่างไปจากเยาวชนปกติ และหากมีความแตกต่างมาก ก็จะต้องการความช่วยเหลือที่ต่อเนื่อง เป็นเวลานานมากขึ้น อาจแบ่งรูปแบบการให้บริการด้านการศึกษาพิเศษ ออกได้ ๙ รูปแบบดังนี้ รูปแบบที่ ๑ ชั้นเรียนปกติเต็มวัน นักเรียนพิการเข้าเรียนร่วมในชั้นเรียนกับเด็กปกติตลอดวัน ครูปกติมีความเข้าใจ และรู้ถึงความต้องการจำเป็นพิเศษของเด็ก และมีทักษะที่จะสนองตอบความต้องการเหล่านั้นของเด็กพิเศษด้วยตนเอง คือ สามารถใช้สื่ออุปกรณ์ และเทคนิคการสอนพิเศษ ที่เหมาะสมกับ เด็ก ในรูปแบบนี้ ทั้งครูปกติ และเด็กพิการ ไม่จำเป็นต้องได้รับบริการโดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย เพียงแต่ครูพิเศษจัดหาสื่ออุปกรณ์ให้เท่านั้น
รูปแบบที่ ๒ ชั้นเรียนปกติกับการให้คำแนะนำปรึกษา นักเรียนพิการเข้าเรียนร่วมในชั้นเรียนกับเด็กปกติตลอดวัน และนอกเหนือจากสื่ออุปกรณ์ และเทคนิคพิเศษแล้ว ครูปกติอาจจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำปรึกษาจากครูการศึกษาพิเศษ หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ เช่น นักจิตวิทยาโรงเรียน ครูการศึกษาพิเศษอาจให้คำแนะนำ และข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ ชี้แนะครูปกติให้ไปหาแหล่งทรัพยากรอื่นๆ สาธิตการใช้สื่อเครื่องมือ หรือเทคนิคพิเศษ รูปแบบที่ ๓ ชั้นเรียนปกติกับบริการครูเดินสอน นักเรียนพิการเข้าเรียนร่วมในชั้นเรียนกับเด็กปกติ ครูการศึกษาพิเศษจะให้บริการในลักษณะไปหาเด็กพิการ หรือครูปกติ ที่โรงเรียนต่างๆ ตามกำหนดในตารางเวลา เพื่อช่วยสอนเด็กพิการเป็นรายบุคคล หรือเป็นกลุ่มเล็กๆ และจัดหาสื่อ และข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการสอนให้แก่ครูปกติ รวมทั้งให้คำแนะนำปรึกษาแก่ครูปกติเกี่ยวกับปัญหาพิเศษที่เด็กพิการมี | |||||
สื่อและอุปกรณ์พิเศษ สำหรับครูเดินสอนที่ใช้บริการเด็กพิการเรียนร่วม | |||||
รูปแบบที่ ๔ ชั้นเรียนปกติกับบริการครูสอนเสริม นักเรียนพิการเข้าเรียนร่วมในชั้นเรียนกับเด็กปกติ ครูการศึกษาพิเศษจะให้บริการแก่เด็กและครูประจำที่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง ระยะเวลา และความถี่ของการให้บริการจะถูกกำหนดโดยความรุนแรงของปัญหาที่เด็กมี ครูสอนเสริมจะตรวจสอบความต้องการจำเป็นของเด็กเป็นรายบุคคล หรือเป็นกลุ่มเล็กในห้องพิเศษ ที่มีสื่อและอุปกรณ์พิเศษ โดยทั่วไปครูสอนเสริมจะเป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษาแก่ครูปกติ ในเรื่องการสอน และการจัดการกับเด็กนักเรียนในห้องเรียน และบางครั้งก็สาธิตวิธีการสอน ความยืดหยุ่นของรูปแบบนี้กับการที่เด็กยังได้อยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ทำให้รูปแบบนี้ เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน รูปแบบที่ ๕ ศูนย์วินิจฉัยและวางแผนแก้ไข ในรูปแบบนี้ นักเรียนพิการจะเข้ารับบริการเป็นระยะเวลาหนึ่งในชั้นเรียนพิเศษหรือศูนย์ฯ เพื่อรับการตรวจสอบความต้องการจำเป็น และจะมีการวางแผน เพื่อนำไปปฏิบัติ โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานที่ได้จากการตรวจสอบวินิจฉัย หลังจากที่มีการเขียนแผนแก้ไขทางการศึกษาแล้ว ก็จะมี การเสนอแนะให้ส่งเด็กเข้าเรียน ซึ่งอาจจะส่งเข้าเรียน ในโรงเรียนพิเศษเฉพาะ หรือในชั้นเรียนปกติก็ได้
รูปแบบที่ ๖ การสอนในโรงพยาบาลและที่บ้าน รูปแบบนี้จัดขึ้น เพื่อสอนเด็กที่จำเป็นต้องอยู่ในโรงพยาบาล หรือที่บ้าน เนื่องจากปัญหาทางร่างกาย หรือจิตใจ ส่วนใหญ่ เด็กร่างกายพิการจะต้องการบริการในรูปแบบนี้ แต่บางครั้งก็มีเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ และพิการอื่นๆ ที่ต้องการรูปแบบนี้ หากไม่มีการให้บริการในรูปแบบอื่น โดยปกติแล้วเด็กมักจะต้องอยู่ในโรงพยาบาล หรือที่พักฟื้นที่บ้านเป็นระยะเวลาไม่นานมากนัก ครูพิเศษที่สอนในโรงพยาบาล หรือตามบ้าน ก็จะต้องติดต่อประสานงานกับครูปกติของเด็กอย่างสม่ำเสมอ รูปแบบที่ ๗ ชั้นเรียนพิเศษในโรงเรียนปกติ นักเรียนพิการจะเรียนอยู่ในชั้นเรียนที่มีเด็กพิการประเภทเดียวกันประมาณ ๑๕ คน หรือน้อยกว่า โดยมีครูการศึกษาพิเศษเป็นผู้ทำการสอนเองเพียงคนเดียว หรือเกือบทั้งหมด ตามปกติแล้วเด็กพิการที่อยู่ในชั้นเรียนพิเศษนี้ จะถูกแยกจากเพื่อนปกติทั้งวัน ยกเว้นบางครั้ง เด็กพิการอาจเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติในวิชาพลศึกษา ดนตรี หรือกิจกรรมอื่นบางอย่างที่เขาสามารถร่วมได้
รูปแบบที่ ๘ โรงเรียนพิเศษไปกลับ เป็นรูปแบบที่จัดประสบการณ์ทางการเรียนการสอนให้กับเด็กพิการแยกออกจากเด็กปกติ โดยทั่วไป จะจัดให้เด็กพิการแต่ละประเภทมาเรียนร่วมกันในหนึ่งโรงเรียน เช่น เด็กตาบอด หูหนวก ร่างกายพิการ มีปัญหาทางอารมณ์ เป็นต้น โดยมีเครื่องมือพิเศษที่จำเป็นต้องใช้ในการให้การดูแล และให้การศึกษาแก่เด็กพิการเหล่านั้น เด็กพิการเป็นนักเรียนไปกลับ รูปแบบที่ ๙ โรงเรียนพิเศษประจำ เป็นสถานที่ที่เด็กพิการได้รับการดูแลตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยทั่วไปโรงเรียนจะอยู่ห่างจากบ้านเด็ก เด็กอาจกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นระยะๆ หรือกลับบ้านทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่โรงเรียนพิเศษประจำนี้เด็กจะได้รับทั้งการศึกษา และการฝึกหัดให้ทำกิจวัตรประจำไปด้วย | |||||
ครูการศึกษาพิเศษกำลังทดสอบการได้ยินของเด็กโดยใช้เครื่องช่วยฟัง | |||||
ปัจจุบันในประเทศไทยได้มีการจัดการศึกษาให้กับเยาวชนผู้พิการตั้งแต่รูปแบบที่ ๑ จนถึงรูปแบบที่ ๙ และมีแนวโน้ม ที่จะจัดให้เด็กพิการได้เรียนร่วมกับเด็กปกติมากยิ่งขึ้น ได้มีหน่วยงานที่ให้บริการทางการศึกษาสำหรับเด็กพิการ อายุ ๐-๗ ปี เพื่อกระตุ้นพัฒนาการเด็ก รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้กับเด็กพิการ ก่อนเข้าเรียนในชั้นอนุบาล และประถมศึกษาร่วมกับเด็กปกติ เช่น ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มเด็กตาบอด และครอบครัว ของวิทยาลัยครูสวนดุสิต โครงการกระตุ้นเด็กปัญญาอ่อน ของโรงพยาบาลราชานุกูล โครงการกระตุ้นเด็กหูหนวกทางไปรษณีย์ ของมูลนิธิช่วยคนหูหนวกฯ เป็นต้น |