เล่มที่ 34
ปริศนาคำทายของไทย
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
ปริศนาคำทายในวัฒนธรรมต่างๆ

            ปริศนาคำทายนับเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดประเภทหนึ่ง สันนิษฐานว่า ปริศนาคำทายที่เก่าแก่ที่สุดคือ ปริศนาคำทายโบราณที่ค้นพบในบริเวณดินแดนฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และยังพบปริศนาคำทาย ในแหล่งอารยธรรมโบราณต่างๆ ได้แก่ สุเมเรียน บาบิโลน อัสซีเรีย อียิปต์ และกรีก

            มีบันทึกว่า ในวัฒนธรรมกรีกโบราณ ปริศนาคำทายใช้เป็นเครื่องทดสอบเชาวน์ในยามว่างหลังมื้ออาหาร ในการเล่นดังกล่าว ผู้แพ้จะต้องดื่มเหล้าองุ่นแก้วใหญ่ หรือถูกลงโทษวิธีอื่น นอกจากนี้ อาริสโตเติล (Aristotle) ปราชญ์ชาวกรีก ได้กล่าวถึงปริศนาคำทายไว้ด้วยในตำราอันเลื่องชื่อของเขา คือ Poetics (เล่มที่ ๑๒) และ Rhetorics (เล่มที่ ๓ บทที่ ๒) ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ปริศนาคำทายเป็นที่รู้จักกันดีในยุคสมัยดังกล่าว

            ในจารึกของฮีบรูและในคัมภีร์ไบเบิล ภาคพระคัมภีร์เก่า (The Old Testament) มีการกล่าวถึงการเล่นปริศนาคำทายไว้ ๒ แห่ง คือ เรื่องของแซมซัน (Samson) และเรื่องของกษัตริย์โซโลมอน (King Solomon) ในเรื่องของแซมซันนั้น แซมซันได้ถามปริศนาข้อหนึ่งความว่า "มีอะไรบางอย่างที่กินได้ออกมาจากจอมเขมือบ มีอะไรที่หวานออกมาจากสิ่งที่ดุดัน" คำเฉลยของปริศนานี้ มาจากประสบการณ์ส่วนตัว ที่แซมซันได้เห็นซากศพสิงโตตัวหนึ่ง และในซากศพนั้น มีฝูงผึ้งเข้าไปทำรังอยู่ คำเฉลยของปริศนานี้ ก็คือ "น้ำผึ้งในซากศพสิงโต" ส่วนในเรื่องของกษัตริย์โซโลมอน กล่าวไว้ว่า ราชินีแห่งชีบา (Queen of Sheba) ได้ทราบเรื่องของความฉลาดปราดเปรื่องของกษัตริย์โซโลมอน จึงได้เดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อทดสอบเชาวน์ของพระองค์ พระนางได้ถามปริศนาหลายข้อ และกษัตริย์โซโลมอนก็ตอบได้ทั้งหมด พระนางจึงได้ถวายทองคำ เครื่องเทศ และอัญมณี ที่พระนางนำติดมาด้วย แด่กษัตริย์โซโลมอน เพื่อแสดงความคารวะ

            นอกจากนี้ในปัจจุบันก็พบว่ายังมีการเล่นทายปริศนาคำทายกันในประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฟินแลนด์ เยอรมนี สเปน อิตาล อิสราเอล อินเดีย จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ไทย และในทวีปแอฟริกา ตัวอย่างเช่น ในทวีปแอฟริกา มีบันทึกว่า ชนเผ่าบางเผ่านิยมเล่นปริศนาคำทายกันในเวลาเย็น และมักจะเล่นกันในที่ร่ม แต่หากอากาศเย็นสบายก็อาจเล่นกันในที่แจ้ง ปริศนาคำทายนิยมเล่นกันในหมู่เด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่มักเป็นผู้สอนให้เด็กรู้จักปริศนาคำทาย วัตถุประสงค์หลักของการเล่นทายปริศนา เน้นที่การให้ความสนุกสนานและการฝึกสมอง

            ในบรรดาปริศนาที่พบในวัฒนธรรมต่างๆ นั้น มีปริศนาชนิดหนึ่งในวัฒนธรรมจีนที่มีลักษณะเป็นที่น่าสนใจ และมีความสัมพันธ์กับปริศนาร้อยกรองชนิดหนึ่งในสังคมไทย ปริศนาดังกล่าวเรียกว่า "เต็งหมี" ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ปริศนาโคมไฟ" (คำว่า "เต็ง" แปลว่า โคมไฟ และ "หมี" แปลว่า ปริศนา) ปริศนาโคมไฟ หรือ เต็งหมี มีความเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลเฉลิมฉลองที่เรียกว่า "เทศกาลโคมไฟ" เทศกาลโคมไฟ (Lantern festival) เป็นเทศกาลที่จัดในคืนวันเพ็ญเดือนอ้าย เพื่อเป็นกิจกรรมปิดท้ายการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่และฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งในคืนดังกล่าว ชาวจีนจะแขวนโคมไฟประดับประดาหน้าบ้านและตามถนนหนทางอย่างสวยงาม นอกจากนี้ บรรดาเจ้าของบ้านมักจะเขียนปริศนาปิดไว้บนโคมไฟที่ประดับไว้หน้าบ้าน เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนที่เดินเที่ยวชมโคมไฟได้ลองทาย มีธรรมเนียมปฏิบัติว่า หากมีผู้สามารถทายปริศนาได้ถูกต้อง เจ้าของบ้านที่แขวนโคมไฟปริศนา ก็จะเชื้อเชิญผู้นั้น เข้าไปร่วมดื่มน้ำชาภายในบ้าน เพื่อเป็นเกียรติและมอบสิ่งของบางอย่างให้เป็นรางวัล


บรรยากาศ "งานเทศกาลโคมไฟ" ในประเทศไต้หวัน

            ปัจจุบันประเพณีการฉลองเทศกาลโคมไฟ และการเล่นทายปริศนาโคมไฟยังคงมีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมา ทั้งในประเทศจีน และประเทศไต้หวัน นอกจากนี้ชาวจีนที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยก็ได้นำการละเล่นดังกล่าวเข้ามาด้วย แต่แทนที่จะเล่นทายกันโดยการเขียนปริศนาลงบนโคมไฟ ก็มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นเขียนปริศนาลงบนแผ่นกระดาษ และแขวนไว้บนราวแทน ปัจจุบันในงานพบปะสังสรรค์ประจำปีของสมาคม หรือองค์กรของชาวจีนบางสมาคมในประเทศไทย ก็ยังมีการเล่นทายปริศนาเต็งหมีเพื่อเป็นกิจกรรมบันเทิงในงานด้วย นอกจากนี้ทุกเช้าวันอาทิตย์ในบริเวณสวนลุมพินี กรุงเทพฯ ก็ยังเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่กลุ่มชาวจีนที่สนใจการเล่นทายปริศนาชนิดนี้ จะมาชุมนุมและเล่นทายปริศนาร่วมกัน ต่อมา คนไทยได้คิดค้นปริศนาร้อยกรองขึ้นชนิดหนึ่ง เรียกว่า "ปริศนาผะหมี" โดยได้ประยุกต์มาจากรูปแบบและแนวคิด ของปริศนาเต็งหมี