เล่มที่ 24
แผนพัฒนาประเทศ
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๙)

            ดังที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า ก่อน พ.ศ. ๒๕๐๔ ประเทศไทยประสบปัญหาความยากจนและการขาดแคลนบริการพื้นฐานต่างๆ ดังนั้น แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับแรก ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ช่วงคือ ช่วงแรก ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๖ และ ช่วงที่ ๒พ.ศ. ๒๕๐๗ - ๒๕๐๙ จึงได้มุ่งเน้นที่จะเร่งรัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรม และส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนเป็นพิเศษและให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การคมนาคมขนส่ง การพลังงาน และการชลประทาน ฯลฯ เพื่อให้มีส่วนสนับสนุนการลงทุนด้านอุตสาหกรรม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น


ภาพหุ่นจำลองของเขื่อนภูมิพลซึ่งเป็น เขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของประเทศไทย
มีการระบุที่จะเร่งสร้างให้แล้วเสร็จในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑

สำหรับเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญๆ ในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๖ มีดังนี้

  • ยกระดับอัตราการเพิ่มของรายได้ประเทศ จากร้อยละ ๔ เป็นร้อยละ ๕ ต่อปี และรายได้เฉลี่ยต่อบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓ ต่อปี (ซึ่งเดิมเพิ่มไม่ถึงร้อยละ ๒ ต่อปี) และเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางการเกษตรร้อยละ ๓ ต่อปี และทางอุตสาหกรรม และเหมืองแร่ เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๒ ต่อปี 
  • เพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก และสินค้านำเข้าเฉลี่ยร้อยละ ๔ ต่อปี 
  • เพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก ๑๓๘,๐๐๐ กิโลวัตต์ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็น ๓๗๐,๐๐๐ กิโลวัตต์ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ 
  • ก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินใหม่ ๑,๐๐๐ กิโลเมตร และปรับปรุงถนนที่มีอยู่ให้ได้มาตรฐาน ๑,๐๐๐ กิโลเมตร ฯลฯ
            ในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้มีการระบุอย่างชัดเจนในแผนพัฒนาฯ ว่า จะเร่งก่อสร้างเขื่อนภูมิพลให้แล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ และเร่งปรับปรุงพัฒนาระบบการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในพระนคร ธนบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เร่งก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินในจังหวัดสำคัญๆ ขยายการผลิตน้ำประปาในกรุงเทพฯ เร่งขยายโทรศัพท์ขึ้นอีก ๒๐,๕๐๐ เลขหมาย โดยได้มีการกำหนดงบพัฒนา (ซึ่งมาจากงบประมาณแผ่นดิน เงินกู้ และเงินช่วยเหลือ จากต่างประเทศ) จำนวนมากและมีสัดส่วนสูงสำหรับการพัฒนาสาขาคมนาคมและขนส่ง สาขาพลังงาน และสาขาการเกษตรและสหกรณ์ ในส่วนของสาธารณสุข ได้กำหนดเป้าหมาย ที่จะสร้างโรงพยาบาลภาคเพิ่มขึ้น ๒ แห่ง โรงพยาบาลอำเภอ ๖ แห่ง พัฒนาสถานีอนามัยชั้น ๒ เป็นชั้น ๑ ปีละไม่ต่ำกว่า ๑๐ แห่ง รวมทั้งเร่งการผลิตแพทย์และพยาบาลเพิ่มขึ้น และเน้นเรื่องการป้องกันและปราบปรามโรคติดต่อสำหรับด้านการศึกษาได้มี การระบุไว้ในแผนว่า จะส่งเสริมการอาชีวศึกษาเป็นพิเศษ ส่วนรายละเอียดแผนงานโครงการได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ให้เป็นหน้าที่ของสภาการศึกษาแห่งชาติ


การกระจายการผลิตภาคเกษตรให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

            ผล การดำเนินการในช่วงแรกของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑ ปรากฏว่าเป็นไปด้วยดี โดยเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ ๖.๔ ต่อปี สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ รายได้ต่อบุคคลเพิ่มสูงกว่าเป้าหมาย ในขณะที่การพัฒนาบริการพื้นฐานต่างๆ เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นกิจการต่างๆ ให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออก และกิจการด้านการเงินการธนาคาร ดังนั้น จึงได้มีการปรับปรุงเป้าหมายของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑ ระยะที่ ๒ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น
  • ยกระดับอัตราเพิ่มรายได้เป็นร้อยละ ๖ ต่อปี และรายได้เฉลี่ยต่อบุคคลเพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ ๓ ต่อปี
  • ให้การสะสมทุนเพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ ๑๙ ของรายได้ประชาชาติ 
  • ปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้มี ความมั่นคง โดยกระจายการผลิต ในกิจกรรมประเภทต่างๆ ให้กว้างขวางขึ้น และรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อลดปัญหาด้านการกระจายรายได้ และความยากจน
  • ขยายขอบเขตโครงการพัฒนาจากเดิม ที่จำกัดเฉพาะภาครัฐบาลกลาง ให้ครอบคลุมภาครัฐวิสาหกิจ และส่วนท้องถิ่น
            ผลการดำเนินการปรากฏว่า ส่วนใหญ่สูงกว่าที่กำหนดไว้ในแผน เช่น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๙) เฉลี่ยปีละ ๘.๑ ต่อปี รายได้เฉลี่ยต่อบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๑ ต่อปี ผลิตผลด้านการเกษตร และด้านอุตสาหกรรม ขยายตัวถึง ร้อยละ ๖.๑ และ ๑๑.๒ ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น มีส่วนช่วยทดแทนการนำเข้าได้เป็นจำนวนมาก และทำให้โครงสร้างสินค้าเข้า-สินค้าออกเปลี่ยนไป เพราะเดิมก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๓ สินค้าส่งออก ที่สำคัญของไทย ได้แก่ ข้าว ยางพารา ไม้สัก และดีบุก ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ สินค้าส่งออกได้กระจายไปสู่พืชและสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มขึ้น ส่วนการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค มีสัดส่วนลดลง โดยมูลค่าการนำเข้าวัตถุดิบ สินค้าขั้นกลาง และสินค้าทุนเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรม ให้มีสัดส่วนสูงขึ้น