นิทานเรื่องผี
คนไทยก็นิยมฟังการเล่าเรื่องเกี่ยวกับผีๆ สางๆ และเรื่องตื่นเต้นเขย่าขวัญ เช่นเดียวกับคนชาติอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผี กล่าวได้ว่า มีเล่าอยู่ทุกถิ่น ในขณะที่เล่า ทั้งผู้เล่า และผู้ฟังมักเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับผีนี้ จึงสะท้อนให้เห็นความเชื่อ ในเรื่องวิญญาณ และเรื่องภูตผีต่างๆ ของคนไทยได้เป็นอย่างดี ผีในเรื่องเล่ามีทั้งผีที่ดี ซึ่งให้ความช่วยเหลือ หรือคุ้มครองคน หรือบอกลาภให้ และผีร้าย ที่คอยหลอกหลอนรังควานคน ผีในนิทานไทยมีหลายประเภท คือ ผีคนตาย ผีบ้านผีเรือน ผีประจำต้นไม้ ผีป่า ผีที่สิงอยู่ในร่างคน และผีเบ็ดเตล็ด
เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีดังกล่าวมีลักษณะดังนี้
นิทานเกี่ยวกับผีคนตาย
เรื่องผีประเภทนี้แสดงให้เห็นความเชื่อของคนไทย ซึ่งเชื่อว่าเมื่อคนบางคนตายไป ยังไม่ไปเกิดใหม่ อาจเป็นเพราะตายอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว หรือยังมีความห่วงใยญาติพี่น้อง หรือสมบัติอยู่ วิญญาณจึงคอยหลอกหลอนคน ผีที่เล่ากันว่าชอบมาหลอกหลอนมาก ได้แก่ ผีตายโหง คือ ผีคนตายเนื่องจากอุบัติเหตุ หรือถูกฆ่า เนื่องจากว่าการตายจากอุบัติเหตุ หรือถูกฆ่าเป็นการตายอย่างไม่ทันรู้ตัว วิญญาณจึงมักคอยหลอกหลอน หรือสิงอยู่ตามสถานที่ที่ตาย เช่น ถนนบางแห่ง สะพาน แม่น้ำ โรงแรม เป็นต้น เรื่องผีในโรงพยาบาลก็มีเล่าบ้าง
ผีอีกประเภทหนึ่งที่ชอบหลอกหลอน ได้แก่ ผีตายทั้งกลม ซึ่งมาจากคำว่า ผีตายท้องกลม คือ ผู้หญิงซึ่งตายในขณะที่กำลังท้อง ตัวอย่างเรื่องผีประเภทนี้ เช่น เรื่องนางนาคพระโขนง ตามเรื่องเล่าว่า เดิมแม่นาคเป็นคน มีสามีชื่อว่ามาก มีบ้านอยู่แถวพระโขนง ขณะที่สามีออกไปรบ แม่นาคเกิดป่วยและตายไป โดยที่ลูกยังอยู่ในท้อง ด้วยความอาลัยอาวรณ์สามี ผีแม่นาคจึงเที่ยวหลอกหลอนนายมาก และคนอื่นๆ กลายเป็นเรื่องเล่าค่อนข้างยาวหลายตอนจบ เล่าสู่กันฟังแพร่หลาย ในกรุงเทพมหานคร เรื่องนางนาคพระโขนง จึงอาจจัดเป็นเรื่องผีซึ่งเป็นนิทานประจำถิ่นของกรุงเทพมหานคร และเนื่องจากมีผู้นำเรื่องนี้ไปเขียนและสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย เรื่องจึงแพร่หลายไปสู่จังหวัดอื่นด้วย
นิทานเกี่ยวกับผีบ้านผีเรือน
คนไทยโบราณมักเชื่อกันว่า บ้านเรือนมีผีประจำอยู่ โดยบางคนก็เชื่อว่า เป็นผีบรรพบุรุษ ปกติผีเรือนมักเป็นผีที่ดี คอยคุ้มครองผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเรือน และรักษาทรัพย์สมบัติให้ปลอดภัย นิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า ขโมยได้วางแผนจะเข้าไปขโมยของในบ้านหลังหนึ่ง และได้ส่งพรรคพวกเข้าไปเป็นคนใช้ในบ้านนั้นก่อนแล้ว เมื่อได้จังหวะเหมาะ คนที่เข้าไปเป็นคนใช้ก็แอบเอายานอนหลับใส่ปนกับอาหาร ให้เจ้าของบ้านกิน แต่ปรากฏว่า ถึงแม้เจ้าของบ้านจะนอนหลับกันหมดทุกคน ขโมยก็ไม่กล้าเข้าไปในบ้าน เป็นเพราะผีเรือนช่วยคุ้มครอง ทำให้ขโมยซึ่งอยู่นอกบ้าน มองเห็นคนเดินกันพลุกพล่านอยู่ในบ้าน
นิทานเรื่องผีประจำต้นไม้
ต้นไม้ที่มักมีเรื่องเล่าว่ามีผีประจำ ได้แก่ ต้นไม้ใหญ่ๆ ต้นตะเคียน และต้นกล้วยตานี ผีประจำต้นไม้ใหญ่โดยทั่วไปมักเป็นผีผู้ชาย แต่ผีประจำต้นตะเคียน และต้นกล้วยตานี จะเป็นผู้หญิง ชอบแต่งกายสวยงาม และชอบหลอกหลอนผู้ชาย
เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีนางตะเคียนเรื่องหนึ่งเล่าว่า ต้นตะเคียนต้นหนึ่งมีผีประจำอยู่ ใครจะตัดตะเคียนต้นนี้ก็ตัดไม่ได้ ชายตัดไม้คนหนึ่งจึงได้อ้อนวอนขอไม้จากนางตะเคียน และตกลงกับนางตะเคียนว่า ถ้ายอมให้ตัดไม้ไปทำเสาเอกของบ้านที่กรุงเทพฯ เขาจะเป็นคนพานางไปส่งกรุงเทพฯ ด้วยตนเอง แต่บังเอิญชายคนนี้ถูกฆ่าตายระหว่างทาง ตะเคียนต้นนั้นจึงถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไม่มีใครนำมาเป็นเสาเอกของบ้าน ทำให้นางตะเคียนร้องไห้ด้วยความเสียใจ ตำบลที่เสานั้นถูกทิ้งอยู่ และนางตะเคียนร้องไห้ จึงมีผู้เรียกว่า บ้านเสาไห้ ซึ่งย่อมาจากบ้านเสาร้องไห้นั่นเอง นิทานเรื่องนี้จัดเป็นนิทานประจำถิ่นของบ้านเสาไห้ด้วย
นิทานเกี่ยวกับผีป่า
ในสมัยก่อนคนไทยมักเข้าป่าล่าสัตว์ หรือหาของป่ามาขาย จึงมีนิทานเรื่องผีป่าเล่าสู่กันฟัง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อเกี่ยวกับผีประจำป่าประจำเขาของคนไทย ผีป่าในเรื่องที่เล่า มีทั้งที่ดีคอยให้ความคุ้มครองคน หรือให้ลาภ และผีร้ายที่หลอกหลอน หรือทำร้ายคน
เรื่องที่เล่าเกี่ยวกับผีป่าเรื่องหนึ่ง มีลักษณะเป็นเรื่องตลก เล่าว่า นายพรานคนหนึ่งกำลังนั่งห้างเตรียมจับสัตว์อยู่ ผีป่าเข้ามาหลอกหลอน โดยขอจุดบุหรี่ นายพรานผู้นี้รู้ว่าเป็นผี ก็แกล้งบอกไปว่าเขาไม่มีบุหรี่ เพราะสูบกล้อง แล้วก็ส่งปลายปืนให้ผีลองสูบกล้องบ้าง พอผีอ้าปากอมปลายกระบอกปืน นายพรานก็ยิงเปรี้ยงเข้าให้ ผีถูกยิงก็หนีไป พลางจาม และบ่นว่า ฉุนจัง
นิทานเรื่องผีที่สิงอยู่ในร่างคน
คนไทยเรามีความเชื่อว่า มีผีอีกพวกหนึ่งซึ่งชอบแอบแฝงอยู่ในร่างของคน และชอบกินของสกปรก ได้แก่ ผีปอบ ผีกระสือ ภาคเหนือมีผีโพง ซึ่งเป็นผีชอบกินของสด ของคาว เช่น กบเขียดเป็นๆ
ในสังคมไทยจึงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีประเภทนี้หลายเรื่อง เช่น เรื่องของผีโพงทางภาคเหนือ เล่ากันว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งไปแอ่วสาวกลางคืน ขากลับไปพบผีโพง กำลังออกหากินแถวชายทุ่ง ผีโพงผู้นี้เป็นคนในละแวกบ้านเดียวกัน พอเห็นชายหนุ่มคนนี้ ก็รู้สึกอับอาย ไม่อยากให้ชายหนุ่มนำเรื่องที่พบเห็นไปเล่าให้ใครฟัง ถึงกับยกมือไหว้ขอร้อง แต่ชายหนุ่มก็ยังนำไปเล่าต่อ อีกสำนวนหนึ่งเล่าว่า ผีโพงได้ถอดดาบที่ติดตัวไป ออกไล่ฆ่าชายหนุ่ม ชายหนุ่มรีบวิ่งหนี และนำเรื่องไปเล่าให้คนอื่นๆ ฟัง
นอกจากผีที่กล่าวมาแล้วนี้ มักจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีอีกพวกหนึ่ง ผีพวกนี้เป็นผีเร่ร่อน มีชื่อและรูปร่างต่างๆ ได้แก่ ผีกองกอย ผีม้าบ้อง และผีปกกะโหล้ง เป็นต้น
เรื่องผีกองกอยนั้นมีเล่าอยู่หลายถิ่น ภาคเหนือเรียกผีชนิดนี้ว่า ผีอี่ก๊อย มักเล่าว่า เป็นผีตัวเล็กๆ ผอมๆ จนมีคำเปรียบที่ใช้กับคนผอมมากๆ ว่า ผอมเหมือนผีอี่ก๊อย ส่วนผีม้าบ้องนั้น เป็นผีทางภาคเหนือ เช่นเดียวกับผีปกกะโหล้ง ผีม้าบ้องนั้น คนมักไม่เห็นตัว ได้ยินแต่เสียงวิ่งเหมือนม้า เป็นผีที่ชอบกินของสดๆ คาวๆ เช่นกัน บางคนเล่าว่า เป็นผีม้าที่ตายไปแล้ว แต่ยังอาลัยอาวรณ์คู่ของมัน มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งถูกผีม้าบ้องวิ่งไล่ ต้องใช้วิธีโยนไข่ให้มันทีละฟอง พอมันเลียไข่กินหมด มันก็วิ่งไล่ต่อ คนที่ถูกวิ่งไล่ต้องเสียไข่ไปหลายฟอง กว่าจะถึงบ้าน ส่วนผีปกกะโหล้งนั้น ไม่ทราบแน่นอนว่า มีลักษณะเป็นอย่างไร แต่มักหลอกหลอนในรูปของคน
เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเล่าว่า หญิงสาวคนหนึ่งได้ลาภจากผีปกกะโหล้ง ซึ่งแปลงกายเป็นชายแก่มาหา หญิงสาวพูดจากับผีปกกะโหล้งอย่างอ่อนหวาน จึงได้ทองเต็มโอ่ง หญิงหม้ายคนหนึ่งอยากได้ทองบ้าง จึงไปนอนที่เถียงนา พอผีปกกะโหล้งมา นางพูดจาด้วยอย่างไม่เต็มใจ รุ่งเช้ามีคนพบนางกลายเป็นศพ หน้าตา และร่างกายเป็นแผลเหวอะหวะเหมือนถูกสัตว์ร้ายกัด
น่าสังเกตว่า เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป วิทยาศาสตร์เจริญขึ้น ความเชื่อเรื่องผี และสิ่งลึกลับบางประการอาจลดลง เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีบางประเภท เช่น ผีโพง ผีม้าบ้อง ผีปกกะโหล้ง และเสือสมิง ก็ลดน้อยลง