โรคผิวหนังที่มีลักษณะเป็นเม็ดหรือผื่นด้านและลอก
โซริอาซิส
เป็นโรคหนึ่งในกลุ่มนี้ ซึ่งมีความสำคัญมาก และพบได้ค่อนข้างบ่อย โซริอาซิสเป็นโรคเรื้อรัง ที่บางครั้งอาจทุเลาลงไปบ้าง แล้วก็กำเริบขึ้นมาใหม่อีก ไปจนตลอดชีวิต
สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบชัด แต่ปัจจัยหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ในการก่อให้เกิดโรคนี้ขึ้นคือ กรรมพันธุ์
ลักษณะของผื่นที่ผิวหนังมักจะเป็นเม็ดด้าน หรือปื้นสีแดงนูนขึ้นมาจากผิวหนัง ทรงค่อนข้างกลม มีขอบแยกจากผิวหนังธรรมดาชัดเจน และมีสะเก็ดสีเงินติดซ้อนอยู่ ซึ่งเมื่อแกะออกจะเห็นจุดเลือดออกอยู่ภายใต้สะเก็ดนั้น
ขนาดและรูปร่างของผื่นหรือปื้นของโรคนี้ไม่ค่อยจะเหมือนกัน ตำแหน่ง หรือบริเวณผิวหนังที่อาจเกิดโรคนี้ได้นั้น อาจเป็นที่ไหนก็ได้ แต่มักจะพบบ่อยที่ ศีรษะ ข้อศอก หัวเข่า และก้นกบ นอกจากนี้ก็ พบแถวฝ่ามือฝ่าเท้า และเล็บ ที่ฝ่ามือฝ่าเท้ามักเกิดเป็นเม็ดหนอง ที่เล็บจะเห็นเป็นรอยจุดบุ๋มเล็กๆ เหมือนหัวเข็มหมุด หรือมีขุยผิวหนังใต้เล็บหนานูนสูงขึ้นมา เหมือน "ขี้เล็บ" ที่สะสมอยู่มากๆ
นอกจากนี้ที่บริเวณข้อพับ และในปากก็อาจเกิดเป็นผื่นของโรคนี้ได้ เช่นกัน
ในบางโอกาสผื่นของโซรินอาซิสนี้อาจขึ้นเป็นตุ่มหนองเล็กๆ หรือรวมตัวกันเป็นปื้นหนอง และบางครั้งก็กระจายเป็นสะเก็ด ลอกไปทั่วตัว และผิวหนังมีสีแดงจัด ข้อกระดูกอาจอักเสบมีอาการปวดมาก และเมื่อนานเข้าก็ทำให้หงิกงอ และพิการไป
ไพทีริอาซิส โรซี (pityriasis rosea)
เป็นอีกโรคหนึ่งในกลุ่มนี้ที่พบได้บ่อย โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด นอกจากจะมีผู้คาดคะเนว่า น่าจะเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง
ลักษณะของผื่นที่เกิดขึ้น ครั้งแรกที่เดียวจะเป็นปื้นโดดๆ ที่ผิวหนังบริเวณใดก็ได้ของร่างกาย ขนาดประมาณ ๒-๖ เซนติเมตร อีกหลายวันต่อมาก็จะเกิดผื่นเป็นปื้นที่มีสะเก็ดเป็นขุยๆ ตามมา ส่วนมากในบริเวณที่ปกคลุมด้วยเสื้อผ้า ผื่นจะมีรูปรีๆ และส่วนยาวจะขนานไปกับเส้นแยกของผิวหนัง สีของผื่นอาจเป็นสีชมพูห รือสีน้ำตาล และขนาดประมาณ ๒ เซนติเมตร หรือเล็กกว่านั้น สะเก็ดเล็กๆ ละเอียดๆ ที่คลุมอยู่ตรงกลาง จะทำให้มีลักษณะเหมือนกระดาษมวนบุหรี่ ผู้ป่วยอาจคันบ้างเล็กน้อย ในบางรายอาจมีไข้และอ่อนเพลีย ผื่นนี้หายไปได้เองภายใน ๒-๔ สัปดาห์ และเมื่อเป็นครั้งหนึ่งแล้ว ก็มักจะไม่เป็นอีก