เล่มที่ 10
โรคหู คอ จมูก
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
โรคของหูชั้นนอก

เป็นการอักเสบจากการติดเชื้อบัคเตรี เชื้อรา หรือไวรัส สาเหตุที่สำคัญ คือ น้ำเข้าหู แคะหูด้วยเครื่องมือสกปรก ขี้หูติดอยู่นานๆ เมื่อมีน้ำเข้าหูเกิดการอักเสบได้ง่าย

อาการสำคัญที่สุดคือ ปวดหู ผู้ป่วยจะปวดในช่องหู รอบๆ หู หรือปวดร้าวไปทั้งศีรษะ การอักเสบแบบเป็นฝีจะปวดมาก ถูกต้องใบหูเจ็บมาก มีน้ำเหลือง หรือหนองไหล ซึ่งมีจำนวนน้อย และไม่ข้น นอกจากนี้ยังมีหูตึง คันหู และเป็นไข้ การตรวจจะพบว่า ช่องหูบวมแดง หรือเป็นฝี มีหนองขัง แก้วหูอาจบวมแดง หรือปกติก็ได้ มีแผ่นหนองแห้งติดอยู่ ถ้าอักเสบจากเชื้อราจะเห็นเชื้อราชัดเจน โดยเห็นเป็นก้านยื่นออกจากแผ่นหนอง และมีสปอร์สีต่างๆ กัน เช่น สีดำ และสีเหลือง การตรวจด้วย กล้องขยาย เช่น กล้องจุลทรรศน์ จะมองเห็นเชื้อราชัดเจนมาก ผู้ที่มีอาการคันหูส่องดูหูแล้ว แคะออกมาเป็นสะเก็ดสีขาวเป็นขุยนั้นไม่ใช่เชื้อรา เป็นผิวหนังที่ลอกออกมาจากในช่องหูเท่านั้น หูชั้นนอกอักเสบจากเชื้อบัคเตรี หรือเชื้อรา ยังไม่เคยพบว่า ลุกลามเข้าสมอง ทำให้สมองอักเสบ หรือเป็นฝีในสมอง หูอักเสบจากเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น งูสวัดที่หู เชื้อไวรัสอาจลุกลามเข้าหูชั้นใน และประสาท สมองที่ ๗ ทำให้มีอาการหูตึง เวียนศีรษะ และปากเบี้ยวได้

การรักษา โดยทำความสะอาดช่องหู นับว่า สำคัญที่สุด อะไรก็ตามที่ติดค้างในช่องหู เช่น ขี้หูก้อนหนอง แผ่นหนอง ผิวหนังที่ลอกออกมา ต้องเอาออกให้หมด โดยการแคะ ใช้เครื่องดูด หรือล้างออก การทำความสะอาดช่องหู ทำให้เจ็บปวดได้มาก แต่จะหายอักเสบได้เร็ว ใช้ยาหยอดหูที่มียาปฏิชีวนะ หรือยาต้านเชื้อราหลังจากทำความสะอาดช่องหูแล้ว ถ้าไม่ทำความสะอาดช่องหูก็ไม่มีประโยชน์ที่ใช้ยาหยอดหู เพราะยาเข้าไม่ถึงผิวหนังส่วนที่อักเสบ ถูกสิ่งสกปรกบังไว้หมด นอกจากนี้ก็ให้ยาแก้ปวด ลดบวม และยาแก้คัน รายที่อักเสบมาก หรือเป็นฝีควรให้ยาปฏิชีวนะ โดยการฉีดหรือกินก็ได้ ส่วนรายที่เกิดจากเชื้อไวรัสงูสวัด และปากเบี้ยวต้องได้รับการตรวจและรักษาเป็นพิเศษ โดยมุ่งการรักษาไปที่เส้นประสาทสมองที่ ๗ เพื่อรักษาอัมพาตกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งทำให้มีอาการปากเบี้ยว