โรคหูจากภูมิแพ้
หูชั้นนอก
ใบหู และช่องหูชั้นนอกปกคลุมด้วยผิวหนังชนิดเดียวกับผิวหนังทั่วร่างกาย จึงเกิดโรคผิวหนังจากภูมิแพ้ได้ทุกชนิดเช่นเดียวกัน สารที่ทำให้เกิดโรคมักเป็นสิ่งที่มาสัมผัสโดยตรง เช่น ต่างหูโลหะ เครื่องสำอาง สบู่ แชมพู น้ำมันใส่ผม สเปรย์ผม ยาทา และยาหยอดหูบางชนิด ผู้ป่วยมีอาการคันและมีผื่นเกิดขึ้น ถ้ามีการอักเสบร่วมด้วยจะมีน้ำเหลือง หรือมีหนองไหล ใบหู หรือช่องหูชั้นนอกอาจแพ้เชื้อบัคเตรี หรือเชื้อรา ซึ่งมาจากการอักเสบของหูชั้นนอก ชั้นกลาง หรือโพรงอากาศมาสทอยด์ ผู้ป่วยมีอาการคัน แสบ และปวด มีน้ำเหลืองติดอยู่ในหู ผิวหนังลอกออกเป็นขุยรอบหู ช่องหูบวมแดง และตีบแคบ ทำให้หูตึง การรักษาใช้หลักการรักษาโรคภูมิแพ้ทั่วๆ ไป และให้ยาปฏิชีวนะ
หูชั้นกลาง
หูชั้นกลางอักเสบชนิดน้ำใส เป็นสภาพที่มีน้ำไร้เชื้อขังอยู่ในโพรงหูชั้นกลาง ส่วนมากน้ำจะมีลักษณะใส สีเหลืองอำพัน ถ้าเป็นอยู่นาน น้ำจะข้นเหนียวเหมือนกาว สาเหตุมีหลายอย่าง ที่สำคัญที่สุด คือ โรคภูมิแพ้ชนิดที่แพ้สารที่หายใจเข้าไป ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในจมูก ท่อยูสเตเชียน และเยื่อบุในหูชั้นกลาง เป็นผลให้มีน้ำใสสีเหลืองซึมออกมาขังอยู่ในหูชั้นกลาง ท่อยูสเตเชียนบวมหรืออุดกั้น ออกซิเจนถูกดูดซึมออกจากหูชั้นกลางเกิดความดันลบ เป็นผลให้มีน้ำสีเหลืองในซึมออกมาแทนที่ โรคนี้พบได้ทุกอายุ แต่จะพบมากในเด็กที่อายุต่ำกว่า ๑๐ ปี โดยพบมากที่สุดในช่วงอายุ ๕-๗ ปี ในประเทศหนาว จะพบบ่อยในฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว ในประเทศไทยพบบ่อยในฤดูฝน หรือฤดูหนาว
หูชั้นกลางอักเสบ มีน้ำขังที่บริเวณแก้วหู
ผู้ป่วยมีอาการหูตึงอย่างเดียว โดยไม่มีอาการปวดหรือมีหนองไหล หูตึงประมาณ ๒๐-๔๐ เดซิเบล เด็กส่วนมากจะไม่สามารถบอกได้ว่า ตนเองหูตึง ผู้ปกครองหรือครูมักจะสังเกตได้ เช่น นั่งดูโทรทัศน์ชิดเครื่อง เปิดวิทยุเสียงดัง เรียกไม่ค่อยได้ยิน หรือไม่หันมาตามเสียงเรียก ไม่สนใจการเรียน ต้องพูดเสียงดังซ้ำๆ จึงจะรู้เรื่อง เป็นอาการที่แสดงว่า หูตึง หากตรวจแก้วหูจะพบแก้วหูมีลักษณะทึบกว่าปกติ บางรายบุ๋ม ลึกเข้าไปกว่าปกติ สีของแก้วหูเป็นสีเหลืองอำพัน อาจเห็นระดับน้ำหรือฟองอากาศใต้แก้วหู ถ้าตรวจการสั่นสะเทือนของแก้วหูจะพบว่า สั่นได้น้อยลง ตรวจการได้ยิน จะได้ผลหูตึงแบบการนำเสียงเสีย ตรวจด้วยเครื่องวัดการทำงานของหูชั้นกลางจะพบว่า ไม่มีโพรงอากาศในหูชั้นกลาง โดยมีน้ำแทนที่อากาศ
หูชั้นใน
โรคเมนิแอร์ เป็นการทำหน้าที่ผิดปกติของหูชั้นใน ยังไม่ทราบสาเหตุแน่นอน แต่สาเหตุประการหนึ่งคือ เกิดจากผู้ป่วยได้รับสารก่อภูมิแพ้บางอย่างเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารก่อภูมิแพ้ชนิดที่กินเข้าไป ทำให้เกิดอาการให้บ่อยกว่าสารที่หายใจเข้าไป อาการสำคัญของโรคนี้ คือ
เวียนศีรษะเป็นครั้งคราว อาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นทันทีทันใดเวลาใดก็ได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับท่าทางของผู้ป่วย ส่วนมากจะได้ประวัติเกี่ยวข้องกับการกินอาหาร หรือสูดดมสิ่งของบางอย่างเข้าไปก่อน ตามด้วยอาการเวียนศีรษะ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนด้วย การเวียนศีรษะจะเป็นมากในวันแรก ต่อมาจะดีขึ้น และหายในเวลาประมาณ ๗ วัน
เสียงดังในหู เป็นเสียงดังในหูที่ผู้ป่วยได้ยินคนเดียว แล้วมักจะบอกว่า หูอื้อ หรือลมออกหู มีหลายแบบ เช่น เสียงดังเหมือนเสียงเครื่องจักร นกหวีด และเสียงลมพัด ทำให้รำคาญมาก ในเวลากลางวันจะไม่ค่อยยินเสียงค่อย เพราะเสียงรอบกายกลบเสียงในหู หรือผู้ป่วยสนใจเรื่องงานจึงลืมเสียงดังในหู ครั้นกลางคืนไม่มีเสียงรบกวน เมื่อศีรษะถึงหมอน จะได้ยินเสียงมากขึ้นจนนอนไม่หลับก็ได้
หูตึงแบบหูชั้นในหรือประสาทหูเสีย ระยะที่มีอาการเวียนศีรษะอาจมีอาการหูตึงด้วย บางรายมีอาการเหมือนมีอะไรดันอยู่ในหู เหมือนน้ำขังในหู ถ้าเจาะออกได้คงจะสบาย ถ้าได้รับเสียงดังมากๆ อาจจะรู้สึกปวดแปลบเข้าไปในหู ถ้าเจาะออกได้คงจะสบาย ถ้าได้รับเสียงดังมากๆ อาจจะรู้สึกปวดแปลบเข้าไปในหู หลังจากการรักษาเมื่ออาการเวียนศีรษะดีขึ้น อาการหูตึงจะดีขึ้นด้วย อาการจะเป็นๆ หายๆ แบบนี้ตลอดไป รายที่เป็นมาก และเป็นอยู่นานอาจจะหูหนวกได้