เด็กๆ เคยเห็นกรวด ทราย ตามแม่น้ำลำธารบ้างหรือไม่
ก้อนกรวดเหล่านั้น แต่เดิมก็คือ ก้อนหินขรุขระ เมื่อมันถูกกระแสน้ำพัดพา และขัดเกลาทีละน้อยๆ มันก็มีพื้นผิวเรียบ กลมมน เราเก็บมาถือไว้ได้ไม่บาดมือ
ก้อนหินหยาบขรุขระ ยังถูกขัดให้เรียบได้ จิตใจของคนที่หยาบกระด้าง ย่อมจะขัดเกลาให้เรียบ และละเอียดอ่อนได้
เมื่อเราเดินอยู่ในป่า เราเห็นต้นไม้ใหญ่ เราเห็นภูเขาสูง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของแม่น้ำ แร่ หิน ดิน ทราย
เราได้รับแสงแดดอันอบอุ่นจากดวงอาทิตย์
ชีวิตของเราได้พึ่งพิง ป่า เขา ดิน น้ำ ลม ไฟ เรารู้สึกว่า ธรรมชาติเหล่านี้มีบุญคุณ และมีอำนาจผูกพันต่อคนเรา
ถ้าเราต้องเดินคนเดียว กลางทุ่งโล่งที่มืดสนิท เราคงรู้สึกหวาดกลัว และเดินเปะปะไปไม่รู้จุดหมาย
เราต้องการแสงสว่าง และคนนำทาง ผู้ที่จะเป็นที่พึ่งของเรา
เมื่อเรายังเป็นเด็กเล็กๆ เรามีพ่อแม่ เรามีครู ช่วยนำทางเราให้ประพฤติดี มีความเจริญ พ่อแม่และครูอบรมตักเตือนเราให้กระทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ท่านไม่สามารถอยู่ตักเตือนเราได้ตลอดชีวิต
เราจึงต้องมีหลักการที่ใช้เตือนตัวเราเองได้
เมื่อเราเติบโตขึ้น เราพบว่า ชีวิตนี้มีปัญหามาก เป็นต้นว่า เราอยากเป็นเศรษฐี แต่ไม่อยากทำงาน เราก็จนอยู่อย่างเดิม
เรารักเขา เขาไม่รักเรา เราเศร้าโศกเสียใจ แต่ความเสียใจก็ไม่ช่วยให้เขารักเรา
เราโกรธใคร เราก็อยากไปตีหัวคนนั้น แต่ถ้าเราตีหัวเขา เราจะถูกลงโทษ
เราอยากได้อะไร เราก็จะไปแย่งชิงเอามา แต่ถ้าเราแย่งชิง เราก็จะถูกลงโทษ
เราจะทำตามใจเราทุกอย่างไม่ได้ ถ้าทุกคนเอาแต่ใจตนเอง สังคมก็จะเดือดร้อน และตัวเราเองก็เดือดร้อนด้วย
คนทุกคนจึงต้องมีหลักการในการแก้ปัญหาชีวิต มิให้ตนเอง และผู้อื่นเดือดร้อน
เราจะเป็นคนดีได้ เมื่อได้รับการอบรม ขัดเกลา
เราต้องการที่พึ่ง ต้องการความอบอุ่นใจ เราต้องการผู้แนะนำแนวทางที่ถูกต้อง
เราอยากมีหลักการ และเหตุผลที่เราเลื่อมใส สามารถยึดถือแล้วนำมาแก้ปัญหาชีวิตของเราได้
เราอยากมีความสุขความเจริญ ด้วยวิธีที่บริสุทธิ์ และยุติธรรม
หลักการที่ถูกต้อง อันจะนำชีวิตให้มีความเจริญ และสงบสุขนี้คือ ศาสนา
ผู้ที่สร้าง และเผยแพร่หลักการเช่นนี้ จนเป็นที่นับถือกันแพร่หลาย เรียกว่า ศาสดา
ศาสนา มีศาสดาเป็นบุคคลตัวอย่างที่เรายกย่องบูชา
ศาสนา มีหลักการที่ถูกต้องอันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาของชีวิต
ศาสนา มีพิธีการต่างๆ ที่เป็นบ่อเกิดของประเพณีอันดีงาม
ศาสนา ช่วยให้เรามีที่พึ่งทางจิตใจ